ซิ่งผ่านรก..2ผัวเมียเมายาบ้าชนแหลก


สองผัวเมียเมายาบ้า ซิ่งเก๋งแหกด่านตำรวจทางหลวง ไล่ล่ากว่า 20 กม. ชนรถตร-ประชาชนเสียหายหลายคัน


วันนี้  2 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา 01.10 น. ศูนย์วิทยุปทุมธานี ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล1กก.1บก.ทล. ว่า ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ตามเส้นทางของถนนพหลโยธินขาเข้า ช่วยสกัดจับกุมรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีบรอนด์ทอง หมายเลขทะเบียน กฉ-8376 ลพบุรี ที่หลบหนีการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัดกั้นการกระทำความผิด อยู่บริเวณหน้า สทล.1กก.1 ขณะนี้กำลังหลบหนีการตรวจค้น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง พร้อมรถยนต์ตำรวจกำลังไล่ติดตามอยู่ ซึ่งคนร้ายขับรถมุ่งหน้าเส้นทางถนนพหลโยธินขาเข้า ภายในช่องทางด่วน หลังรับแจ้งจึงประชาสัมพันธ์ทางวิทยุสื่อสารให้ทุก สภ.ทราบ และให้สังเกตสกัดจับกุมรถของคนร้าย ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสามารถจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้ พร้อมยานพาหนะ ที่บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ
   
สืบเนื่องมาจาก เมื่อเวลา 01.00 น. พ.ต.ต.ปริญญา กลิ่นเกษร  สว.ส.ทล.1กก.1 บก.ทล พระนครศรีอยุธยา นำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 10 นาย ตั้งจุดตรวจจุดสกัดการกระทำความผิด และสิ่งผิดกฎหมายอยู่บริเวณช่องทางด่วนของถนนพหลโยธินขาเข้า หน้า ส.ทล.1กก.1บก.ทล พระนครศรีอยุธยา ขณะเดียวกันนี้ ได้มีรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีบรอนด์ทอง หมายเลขทะเบียน กฉ-8376 ลพบุรี วิ่งผ่านเข้ามาในด่านตรวจ เจ้าหน้าที่เห็นท่าทางผู้ขับขี่มีพิรุธ จึงขอให้หยุดรถ เพื่อทำการตรวจสอบ แต่ทันใดนั้น คนขับรถคันดังกล่าว ได้เร่งเครื่องหลบหนีการตรวจค้นออกจากด่านตรวจไปอย่างรวดเร็ว พ.ต.ต.ปริญญา จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ขับรถออกติดตามจับกุมรถยนต์ของคนร้าย ซึ่งคาดว่า น่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมาย
 
ด.ต.วรายุทธ โทสันเทียะ และ ด.ต.ธีรเดช เอี่ยมโพธิ์ เปิดเผยถึงนาทีไล่ติดตาม ว่า ตนได้ขับรถเก๋งของตำรวจทางหลวงหมายเลข 1102 และ1115 ออกติดตามคนร้ายไปอย่างกระชั้นชิด ซึ่งคนร้ายได้ขับขี่รถด้วยความเร็วสูงประมาณ150 กม./ชม. ภายในช่องทางด่วนของถนนพหลโยธินขาเข้า กทม. และใช้ทางเบี่ยงเข้าเส้นทางคู่ขนานฝั่งตรงข้ามหน้าสนามกอล์ฟไฟเฮิร์ท ตนจึงประกาศออกลำโพงเ พื่อให้คนร้ายนั้นยอมหยุดรถ แต่คนร้ายไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแต่อย่างใด และพยายามเร่งความเร็ว ด.ต.วรายุทธ และ ด.ต.ธีรเดช จึงตัดสินใจขับรถตำรวจทางหลวงชนด้านท้ายของรถคนร้าย เพื่อให้เสียหลัก แต่ก็ไม่เป็นผล คนร้ายได้ขับรถมุ่งหน้าเส้นทางพหลโยธินขาเข้าต่อไป และขับรถชนรถของตำรวจที่ประกบมาทางด้านข้างทั้งสองคันได้รับความเสียหาย จนไม่สามารถขับขี่ต่อไปได้

ด.ต.วรายุทธ จึงวิทยุ เพื่อให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขับรถตามมาสนับสนุนนั้น ให้นำกำลังไปปิดเส้นทางที่อยู่ด้านหน้าของถนนพหลโยธินขาเข้า เพื่อไม่ให้คนร้ายหลบหนีไปได้ แต่ขณะเดียวกัน คนร้ายได้ขับรถซิ่งแบบไม่คิดชีวิต และเฉี่ยวชนกับรถของประชาชน และรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องติดสินใจยิงปืนเข้าใส่ยางหน้าด้านขวาของรถคนร้าย ทำให้รถคนร้ายลดความเร็วลง และสามารถหยุดรถของคนร้ายไว้ได้บริเวณช่องทางด่วนขาเข้าของถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ หมู่ที่ 16 ต.คูคต อ.ลำลูกกา รวมระยะทางแล้วกว่า 20 กม. ในสภาพด้านหน้ารถ และด้านข้างของตัวนั้นบุบทั้งคัน มีรอยถูกกระสุนปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่บริเวณกันชนหน้า และตัวรถรวม 5 นัด และสามารถควบคุมตัว นายสมพร ทองรื่น หรือ แมว อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138 ต.อุทัยใหม่ อ.เมืองอุทัยธานี จ.อุทัยธานี และ น.ส.กุลธิดา หรือ กุ้ง เพ็ชรสันทัด อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/32 หมู่ที่2 ต.ป่าตาล อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี โดยทั้งสองอยู่ในสภาพเมายาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งสองไปสอบสวนต่อที่ สทล1กก.1บก.ทล.
   
จากการสอบสวนเบื้องต้นนายสมพร ทองรื่น ผู้ขับขี่รถคันเกิดเหตุ ให้การแบบวกไปวนมา ว่า ตน และแฟนสาวได้ขับรถมาจาก จ.ลพบุรี เพื่อมายืมเงินจากเพื่อนที่เขตดอนเมือง กทม. เพื่อที่จะนำเงินไปต่อสู้คดีความในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ของศาลของจังหวัดพิจิตร ของเช้าวันเดียวกัน ระหว่างการเดินทางนั้น ได้เสพยาบ้าไปด้วย และเกิดอาการเมาสารเสพติด เมื่อมาถึงหน้า สทล.1กก.1 บก.ทล ตนนั้นเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านอยู่ จึงทำให้เกิดความกลัวเกรงว่าจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุม จึงได้ขับรถหนีการตรวจค้น และขับรถชนกับรถตำรวจจนได้รับความเสียหายดังกล่าว
 
ด้าน พ.ต.ต.ปริญญา กลิ่นเกษร สว.สทล.1 กก.1บก.ทล เปิดเผยว่า จากการตรวจค้นภายในรถไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่ต้องตรวจสอบประวัติของคนร้ายอย่างละเอียดอีกครั้งในช่วงเช้า และผลการตรวจสารเสพติดในปัสสาวะพบว่า ทั้งสองคนปัสสาวะเป็นสีม่วง ซึ่งสาเหตุที่คนร้ายหลบหนีนั้น น่าจะมาจากกลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุม ประกอบกับผู้ขับขี่นั้นเสพยาเสพติดมาด้วย ทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่ง และขับรถหนีตำรวจอย่างไม่คิดชีวิตดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งสอง ส่งร้อยเวรเจ้าของคดีดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์