เมื่อวันที่ 13 ส.ค. เอเอฟพีรายงานว่า ทางการฟิลิปปินส์ประกาศให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ ′ไคตั๊ก′
พายุโซนร้อนลูกใหม่ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งทางตะวันออกของฟิลิปปินส์และกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งอิทธิพลตอกย้ำวิกฤตฝนตกหนักและน้ำท่วมภายในกรุงมะนิลาในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 92 ราย ได้รับผลกระทบกว่า 3.4 ล้านคน โดยในจำนวนดังกล่าวกลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 1 ล้านคน
นายเบนิโต ราโมส อธิบดีกรมป้องกันพลเรือน กล่าวว่า
สถานการณ์น้ำท่วมเดิมยังไม่ทันเข้าสู่ภาวะปกติก็ต้องเจอกับพายุลูกใหม่อีก โดยน้ำท่วมกินพื้นที่ถึงร้อยละ 80 ของกรุงมะนิลา และบางพื้นที่ยังคงมีระดับน้ำสูงมิดอก ผู้คนในกรุงมะนิลากว่า 4 แสนคน เบียดเสียดกันอยู่ตามศูนย์อพยพ ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่พยายามใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านที่ถูกน้ำท่วมอย่างทุลักทุเล ถือเป็นเหตุอุทกภัยที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่ปี 2552
ด้านนายมาริโอ มอนเตโจ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของฟิลิปปินส์ ระบุว่า
ผิวดินขณะนี้อยู่ในภาวะอิ่มตัวจากฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้อาจเกิดภาวะดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลัน นอกจากนี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์ ยอมรับด้วยว่า ประสบปัญหาในการให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากผู้ประสบภัยมีจำนวนมหาศาลในหลายพื้นที่ โดยปัญหาหลักคือการที่ผู้อพยพไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือจากศูนย์อพยพได้ ขณะที่ภายในศูนย์อพยพมีความแออัดสูงทำให้ห้องน้ำไม่เพียงพอ
โดยสตรีอายุ 64 ปี ซึ่งเป็นผู้ประสบภัยรายหนึ่งในเขตวาเลนซูเอลา กล่าวว่า ตนอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าให้พายุลูกใหม่นี้ไม่เกิดขึ้น
ขณะที่ผู้อพยพในเขตมะลาบอน ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับไปทำความสะอาดบ้านเรือนของตัวเองอาจต้องกลับไปยังศูนย์อพยพอีกครั้ง เนื่องจากรัฐบาลประกาศอพยพรอบใหม่ เป็นผลมาจากพายุไค ตั๊ก ซึ่งนายรามัน ปาจี รมว.สิ่งแวดล้อมของฟิลิปปินส์ ระบุว่า สถานการณ์วิกฤตที่ผ่านมาอาจถูกจัดเป็นเรื่องปกติในอนาคต เนื่องด้วยสภาพภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลง