เมื่อ 21 เม.ย. เอเอฟพีรายงานความคืบหน้ากรณีเครื่องบินโบอิ้งสายการบินโพจา แอร์ของปากีสถาน
ประสบอุบัติเหตุตกใกล้สนามบินในกรุงอิสลามาบัด และเจ้าหน้าที่คาดว่าผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตยกลำรวม 127 ชีวิต ว่าทางการสั่งห้ามนายฟารุก โพจา ผู้บริหารสายการบินไม่ให้ออกนอกประเทศขณะเริ่มสอบสวน หลังมีรายงานว่าเครื่องบินที่ตกเป็นเครื่องเก่า ใช้งานมานานเกือบ 30 ปี นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่าเหยื่อเครื่องบินตกมีเด็กอายุ 11 ขวบ และคู่แต่งงานใหม่รวมอยู่ด้วย
นายเรห์แมน มาลิก รัฐมนตรีมหาดไทย กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้ค่อนข้างเก่า จึงต้องสอบสวนอย่างละเอียดว่าเครื่องอยู่ในสภาพเหมาะสมหรือไม่ เพื่อหาสาเหตุว่าจะเกิดจากตัวเครื่องหรือสภาพอากาศเลวร้ายที่ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตอันมีค่าครั้งนี้
ด้านนายมาชาม ซาฟาร์ เจ้าหน้าที่ของโพจา แอร์ เผยว่า แม้เครื่องจะอายุมากและเป็นเครื่องมือสอง แต่ก็ผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่แล้ว และอ้างด้วยว่าแม้แต่สายการบินปากีสถาน อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์ไลนส์ที่เป็นของรัฐบาลก็ใช้เครื่องเก่า
ขณะที่ร้อยเอกอาร์ชัด มาห์มูด ของกองทัพปากีสถานวิเคราะห์ว่า
กระแสลมที่เปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วอาจเป็นสาเหตุทำให้เครื่องบินตก เพราะทำให้เครื่องเสียความเร็วโดยเฉพาะช่วงที่กำลังบินขึ้นหรือร่อนลงจอด โดยขณะเกิดอุบัติเหตุมีพายุลมแรง สภาพอากาศเลวร้าย นักบินอาจเสียการควบคุม ทำให้เครื่องตกกระแทกพื้นและระเบิด
สำหรับสายการบินโพจา แอร์ เริ่มให้บริการเมื่อปี 2533
แต่ถูกระงับใบอนุญาตเมื่อปี 2543 หลังจากมีปัญหาด้านการเงินและเพิ่งกลับมาเปิดบริการอีกครั้งเมื่อมี.ค. ที่ผ่านมา โดยเครื่องลำนี้ ซื้อต่อมาจากบริษัทในแอฟริกาใต้ และใช้งานมาแล้ว 28 ปี สำหรับโศกนาฏกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อค่ำวันศุกร์ ขณะเครื่องบินเดินทางจากนครการาจีทางใต้ไปยังกรุงอิสลามาบัดและตกขณะเตรียมร่อนลงจอด ท่ามกลางสภาพอากาศแปรปรวน มีฝนตกหนักและพายุลูกเห็บกระหน่ำ นับเป็นอุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งที่ 2 ของปากีสถานในรอบไม่ถึง 2 ปี