CNN แฉเบื้องหลัง ทรัมป์ ชะลอแผนขึ้นภาษีตอบโต้ เหตุจากเรื่องนี้

CNN รายงานว่า..ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจชะลอแผนการขึ้นภาษีนำเข้าแบบตอบโต้เป็นเวลา 3 เดือน หลังเผชิญแรงกดดันทางการเมืองอย่างหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนในตลาดพันธบัตร

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทรัมป์เปลี่ยนใจคือความกังวลที่เพิ่มขึ้นในกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งปกติถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับนักลงทุน สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้นำความกังวลเหล่านี้หารือกับทรัมป์โดยตรงก่อนการประกาศชะลอแผน

เมื่อเวลา 22.04 น. วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2568 ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เทียบกับ 6 สกุลเงินหลัก ลดลง 0.64% สู่ระดับ 102.30 ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.76% เทียบยูโร สู่ระดับ 1.104 และลดลง 0.98% เทียบเยน สู่ระดับ 144.84

ทรัมป์ยอมรับว่า "พวกเขากำลังกระวนกระวาย พวกเขากำลังกลัวเล็กน้อย" โดยอธิบายถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เพิ่มขึ้นต่อทำเนียบขาวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เขายังยอมรับว่ากำลังจับตาความผันผวนในตลาดพันธบัตรอย่างใกล้ชิด

การตัดสินใจของทรัมป์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แม้แต่เจมิสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ที่กำลังให้การต่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาเกี่ยวกับผลดีของการขึ้นภาษี ก็ไม่ทราบเรื่องการชะลอแผนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวหลายคนรับทราบการตัดสินใจพร้อมกับที่สาธารณชนรับรู้ผ่านโพสต์บนโซเชียลมีเดีย Truth Social

แม้ทรัมป์จะถอยจากแผนการขึ้นภาษีนำเข้ากับประเทศต่างๆ ยกเว้นจีน ที่ปรึกษาของเขายืนยันว่านี่ไม่ใช่การถอย แต่เป็นส่วนหนึ่งของแผนหลักของทรัมป์เพื่อนำประเทศต่างๆ มาเจรจา

ในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้ แรงกดดันจากพรรครีพับลิกัน ผู้บริหารธุรกิจ และแม้แต่เพื่อนสนิทไม่สามารถโน้มน้าวให้ทรัมป์เปลี่ยนใจได้ เขายืนยันว่า "นโยบายของฉันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง"

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เปลี่ยนไปเมื่อเกิดการเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างหนัก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจของยุทธศาสตร์ของประธานาธิบดีอาจรุนแรงกว่าที่ที่ปรึกษาของเขาคาดการณ์ไว้