
4 มหาเศรษฐีโลกสูญเสียความมั่งคั่ง เซ่นสงครามภาษีทรัมป์
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวรอบโลก 4 มหาเศรษฐีโลกสูญเสียความมั่งคั่ง เซ่นสงครามภาษีทรัมป์

พิษ "วันปลดปล่อย" ทรัมป์! มหาเศรษฐีโลกสูญทรัพย์อ่วม 18 ล้านล้านบาท
ภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกาประกาศนโยบาย "วันปลดปล่อย" พร้อมมาตรการภาษีชายแดนที่เข้มงวด ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับความผันผวนครั้งใหญ่ ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีระดับโลก โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยให้การสนับสนุนหรือมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทรัมป์
จากข้อมูลดัชนีมหาเศรษฐีของ Bloomberg พบว่า ภายในระยะเวลาเพียง 2 วันหลังการประกาศนโยบายดังกล่าว มหาเศรษฐี 500 อันดับแรกของโลกสูญเสียความมั่งคั่งรวมกันกว่า 536,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 18.2 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การจัดอันดับ
อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla และมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก เผชิญผลกระทบมากที่สุด โดยหุ้น Tesla ร่วงลงอย่างหนัก ทำให้ความมั่งคั่งของเขาลดลงกว่า 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ในปี 2025 เพียงปีเดียว มัสก์สูญเสียทรัพย์สินไปแล้วกว่า 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.05 ล้านล้านบาท แม้ว่าปัจจุบันเขายังคงครองตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วยทรัพย์สินสุทธิกว่า 302,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.42 ล้านล้านบาท แต่บริษัท SpaceX ได้กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุดในพอร์ตโฟลิโอของเขา
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Meta (Facebook, Instagram, WhatsApp) สูญเสียความมั่งคั่งไปกว่า 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9.18 แสนล้านบาท เนื่องจากราคาหุ้น Meta ดิ่งลงกว่า 14% ภายในสองวัน เพราะบริษัทเทคโนโลยีได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากตลาดเอเชียที่ถูกตั้งกำแพงภาษีในอัตราสูง ปัจจุบัน ซักเคอร์เบิร์กมีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 179,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.08 ล้านล้านบาท
เจฟฟ์ เบโซส อดีตซีอีโอของ Amazon และเจ้าของสำนักข่าว Washington Post ขาดทุนจากราคาหุ้น Amazon ที่ร่วงลงกว่า 23,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7.99 แสนล้านบาท ในช่วงเวลา 2 วัน เนื่องจาก Amazon พึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากเอเชีย โดยเฉพาะจีนและไต้หวันเป็นอย่างมาก ในปีนี้ เบโซสสูญเสียความมั่งคั่งรวมกว่า 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.53 ล้านล้านบาท และมีทรัพย์สินสุทธิเหลือราว 193,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6.56 ล้านล้านบาท
แบร์นาร์ด อาร์โนลต์ เจ้าพ่อแห่งอาณาจักร LVMH และบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในยุโรป สูญเสียความมั่งคั่งไปประมาณ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.74 แสนล้านบาท ในช่วงสองวัน สาเหตุหลักมาจากการที่ทรัมป์ตั้งภาษี 20% ต่อสหภาพยุโรป และภาษีสูงสุดถึง 54% ต่อประเทศในเอเชียที่เป็นฐานการผลิตเสื้อผ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ LVMH ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินของเขาลดลงเหลือ 158,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
วอร์เรน บัฟเฟตต์ รอดพ้นวิกฤต ทำกำไรสวนตลาด
ท่ามกลางความปั่นป่วนของตลาด นักลงทุนระดับตำนานอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ กลับกลายเป็นผู้ที่รอดพ้นและยังคงทำกำไรได้ แม้ว่าเขาจะสูญเสียเงินไปราว 2,570 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8.73 หมื่นล้านบาท จากการปรับฐานตลาดในสองวัน แต่โดยรวมแล้วในปีนี้ ทรัพย์สินของเขากลับเพิ่มขึ้นกว่า 12,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.31 แสนล้านบาท ทำให้ปัจจุบันเขามีทรัพย์สินรวม 155,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5.27 ล้านล้านบาท
อีลอน มัสก์

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก

แบร์นาร์ด อาร์โนลต์

เจฟฟ์ เบโซส

เจฟฟ์ เบโซส

Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว