ทรัมป์ สั่งเปิดเอกสาร ไขปริศนา 3 เหตุสังหารช็อคโลก

"ทรัมป์" สั่งเปิดเอกสาร 3 คดีลอบสังหารสุดสะเทือนประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา สร้างกระแสสะเทือนอีกครั้ง หลังประกาศสั่งการให้เปิดเผยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับ 3 คดีลอบสังหารครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา ได้แก่ การสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี (JFK), โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี (RFK) และมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

ทรัมป์กล่าวเมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา พร้อมยืนยันหนักแน่นว่า "หลายคนรอเรื่องนี้มานานหลายปีและหลายทศวรรษ ทุกอย่างจะถูกเปิดเผย"

คำสั่งดังกล่าวกำหนดให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลเร่งจัดทำแผนการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดภายใน 15 วัน เพื่อให้ประชาชนได้รู้ความจริงในสิ่งที่ถูกปิดบังมานาน

3 คดีสะเทือนโลกที่ยังเป็นปริศนา

1. JFK: ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ถูกยิงเสียชีวิตที่ดัลลาสในปี 1963 โดยมี ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ อดีตนาวิกโยธิน เป็นผู้ต้องหา คดีนี้ยังเต็มไปด้วยข้อสงสัย และก่อให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดมากมาย ตั้งแต่เจ้าหน้าที่รัฐ มาเฟีย ไปจนถึงแผนการใหญ่ที่ซับซ้อน

2. RFK: โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี น้องชายของ JFK ถูกลอบสังหารในปี 1968 ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ผู้ต้องหาในคดีคือ เซอร์ฮาน บิชารา เซอร์ฮาน ชาวปาเลสไตน์ แต่หลายคนไม่เชื่อว่าเขาลงมือเพียงลำพัง

3. มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์: นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนคนสำคัญ ถูกเจมส์ เอิร์ล เรย์ ยิงเสียชีวิตในปี 1968 ครอบครัวของคิงเชื่อว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับแผนสมคบคิดที่ใหญ่กว่าตัวเรย์

แม้เอกสารหลายฉบับเกี่ยวกับการสืบสวนจะถูกเปิดเผยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีเอกสารอีกหลายพันฉบับที่ยังคงถูกปกปิด โดยเฉพาะในคดี JFK ซึ่งซับซ้อนและถูกจับตาที่สุด

ในปี 1992 รัฐสภาสหรัฐฯ ออกกฎหมายกำหนดให้เอกสารทุกฉบับเกี่ยวกับ JFK ต้องถูกเปิดเผยภายใน 25 ปี แต่จนถึงวันนี้ก็ยังมีหลายพันฉบับที่ยังไม่ถูกเปิดออกทั้งหมด

ข้อมูลล่าสุดที่หลุดมาระบุว่า ซีไอเอเคยติดตามออสวอลด์อย่างใกล้ชิดก่อนเหตุลอบสังหาร ซึ่งเพิ่มความสงสัยต่อข้อสรุปเดิมที่ว่าออสวอลด์ลงมือคนเดียว

นอกจากนี้ พอล แลนดิส อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง ซึ่งเคยอยู่ในเหตุการณ์ลอบสังหาร JFK ก็ออกมาเผยข้อมูลใหม่ในปี 2023 ว่ามีเสียงยิงจากรถอีกคัน ซึ่งอาจทำให้ทฤษฎี "กระสุนนัดเดียว" ที่เคยเชื่อกันมา ยิ่งซับซ้อนขึ้น

ในวาระแรกทรัมป์เคยสัญญาว่าจะเปิดเผยเอกสารทั้งหมด แต่กลับไม่ได้ทำตามคำพูดหลังถูกเจ้าหน้าที่ CIA และ FBI ขอร้องให้เก็บเอกสารบางส่วนไว้เป็นความลับ

อย่างไรก็ตาม ในวาระที่ 2 นี้ ทรัมป์ออกคำสั่งชัดเจนว่า "การเก็บความลับไว้ต่อไปไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์สาธารณะ"

การเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้จะช่วยตอบคำถามที่ค้างคาใจชาวอเมริกันมายาวนาน หรืออาจจุดประกายทฤษฎีสมคบคิดใหม่อีกครั้งก็เป็นได้!