ศาลรบ.กลางระงับคำสั่งทรัมป์ ห้ามให้สิทธิพลเมืองโดยกำเนิด ชี้ขัดรธน.


ศาลรบ.กลางระงับคำสั่งทรัมป์ ห้ามให้สิทธิพลเมืองโดยกำเนิด ชี้ขัดรธน.


เมื่อวันที่ 23 มกราคม ตามเวลาในสหรัฐ ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐสั่งระงับคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการระงับการให้สิทธิพลเมืองโดยกำเนิดในสหรัฐ โดยชี้ว่าคำสั่งดังกล่าวถือเป็นการขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน

ผู้พิพากษาจอห์น คอฟเฮเนอร์ซึ่งเป็นผู้พิพากษาศาลแขวงของสหรัฐ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ของพรรครีพับลิกัน กล่าวระหว่างการพิจารณาคดีในรัฐวอชิงตันว่า "นี่เป็นคำสั่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน ผมดำรงตำแหน่งนี้มานานกว่าสี่ทศวรรษแล้ว และจำไม่ได้ว่ามีคดีใดอีกที่ทำให้เกิดคำถามในการนำเสนอชัดเจนเท่ากับคดีนี้"

ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์บอกกับนักข่าวว่า
รัฐบาลของเขาจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าวอย่างแน่นอน ด้านกระทรวงยุติธรรมระบุว่าจะปกป้องคำสั่งฝ่ายบริหารนี้ พร้อมทั้งยืนยันว่ามันเป็นการตีความที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญสหรัฐ

โฆษกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุว่า
พวกเขาตั้งตาที่จะนำเสนอเหตุผลทั้งหมดต่อศาลและต่อชาวอเมริกัน ซึ่งต้องการเห็นการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศ

สิทธิพลเมืองโดยกำเนิดได้รับการบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญสหรัฐภายใต้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งที่ 14 ซึ่งกำหนดว่าบุคคลใดที่เกิดบนผืนแผ่นดินสหรัฐ ถือเป็นพลเมืองของสหรัฐ

ตามข้อความที่ระบุว่า "บุคคลทุกคนที่เกิดหรือผ่านการเข้าเมืองในสหรัฐ และอยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลของสหรัฐ ถือเป็นพลเมืองสหรัฐ และของรัฐที่ตนอาศัยอยู่"

อย่างไรก็ดี คำสั่งของทรัมป์ตั้งอยู่บนพื้นฐานความคิดที่ว่าบุคคลใดก็ตามที่อยู่ในสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย หรืออยู่ด้วยการใช้วีซ่า ไม่ถือว่าอยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลของสหรัฐ ดังนั้นพวกเขาจึงถูกยกเว้นจากบทบัญญัติดังกล่าวในรัฐธรรมนูญ

ผู้พิพากษาคอฟเฮเนอร์แสดงความตกใจ พร้อมกับตำหนิเบรตต์ ชูเมต ทนายความของกระทรวงยุติธรรมที่ยืนกรานว่าคำสั่งของทรัมป์นั้นถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ

"ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมสมาชิกสภาทนายความจึงสามารถระบุอย่างชัดเจนว่านี่คือคำสั่งที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญได้ มันทำให้ผมงงจริงๆ"
คอฟเฮเนอร์กล่าว

คำตัดสินดังกล่าวของศาลมีขึ้นหลังจากเกิดการยื่นฟ้องมากมายใน 22 รัฐโดยกลุ่มสิทธิมนุษยชน และได้รับคำยกย่องจากรัฐต่างๆ ที่เข้าร่วมกับการดำเนินคดีทางกฎหมายเพื่อคัดค้านคำสั่งผู้บริหารของทรัมป์ในประเด็นนี้


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์