Dyson ปลดพนักงานครั้งใหญ่กว่า 1,000 คน แม้บริษัทมีผลกำไรสูง
Dyson บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังระดับโลก ได้ประกาศแผนการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยมีการปลดพนักงานในสหราชอาณาจักรกว่า 1,000 คน ซึ่งคิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของพนักงานทั้งหมดในประเทศ การตัดสินใจครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่าย เนื่องจาก Dyson เพิ่งรายงานผลประกอบการที่มีกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม บริษัทให้เหตุผลว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตและรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดโลก
Dyson ปลดพนักงานครั้งใหญ่กว่า 1,000 คน แม้บริษัทมีผลกำไรสูงมากก็ตาม
จากรายงานของทาง BBC ระบุว่า Dyson บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ ซึ่งเป็นที่รู้จักจากนวัตกรรมเครื่องดูดฝุ่นไร้ถุง ได้ประกาศแผนการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งสำคัญ โดยมีการลดจำนวนพนักงานในสหราชอาณาจักรลงเกือบหนึ่งในสาม หรือประมาณ 1,000 คน จากพนักงานทั้งหมด 3,500 คนในสหราชอาณาจักร บริษัทให้เหตุผลว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้เป็นไปเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตและรับมือกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตลาดโลก
การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เซอร์ เจมส์ ไดสัน ผู้ก่อตั้งบริษัท ได้แสดงความกังวลต่อนโยบายเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรมาอย่างต่อเนื่อง และได้ย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังสิงคโปร์ในปี 2019 นายฮันโน เคอร์เนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Dyson กล่าวว่า บริษัทจำเป็นต้องมีความคล่องตัวและสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดโลก "การตัดสินใจที่ส่งผลกระทบต่อเพื่อนร่วมงานที่มีความสามารถและทุ่มเทนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่ง" นายเคอร์เนอร์กล่าว "บริษัทจะให้การสนับสนุนและความช่วยเหลืออย่างเต็มที่แก่พนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างองค์กรในครั้งนี้"
Dyson ย้ายฐานวิจัยและพัฒนาออกจากสหราชอาณาจักร ท่ามกลางข้อครหาเรื่องลดต้นทุน
ในปี 2019 Dyson ได้ย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังสิงคโปร์ เพื่อให้ใกล้ชิดกับฐานการผลิตและซัพพลายเชนในเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดหลักที่สร้างยอดขายมากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัท โดย ไดสันประกาศแผนลงทุนครั้งใหญ่ในสิงคโปร์ มูลค่ากว่า 37,400 ล้านบาท ในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็น 30% ของงบลงทุนทั่วโลกที่ตั้งไว้ 4,900 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ นอกจากเม็ดเงินลงทุนมหาศาลแล้ว ไดสันยังเตรียมเปิดรับวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์กว่า 250 ตำแหน่ง เพื่อเสริมทัพธุรกิจหุ่นยนต์ ระบบข้อมูล มอเตอร์ดิจิทัลไฟฟ้าความเร็วสูง และธุรกิจเก็บรักษาพลังงาน
นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังมีข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป ซึ่งเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท และถึงแม้จะย้ายสำนักงานใหญ่ แต่ผลประกอบการของ Dyson พวกเครื่องฟอกอากาศ เครื่องเป่าผม และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ยังคงแข็งแกร่ง โดยบริษัทมีผลกำไรสูง และเพิ่มงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาขึ้น 40% ในปีที่ผ่านมา
เจมส์ ไดสัน ผู้ก่อตั้งบริษัท ย้ำว่า สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางสำคัญของไดสัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการวิจัยและพัฒนา การบริหารธุรกิจ หรือแม้แต่ฐานปฏิบัติการของเครือข่ายซัพพลายเชน
ปัจจุบัน ไดสันมีพนักงานในสิงคโปร์ 1,400 คน ในจำนวนนี้ 40% เป็นวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางนวัตกรรมของไดสัน
Dyson ยืนยันว่า การย้ายสำนักงานใหญ่เป็นการตัดสินใจทางธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องการเมือง และเป็นผลจากการทบทวนสถานการณ์ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เซอร์ เจมส์ ไดสัน ผู้ก่อตั้งบริษัท ได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรมาโดยตลอด โดยเฉพาะประเด็นเรื่องภาษีนิติบุคคลที่สูง โดยเฉพาะภาษีนิติบุคคลในสหราชอาณาจักรได้เพิ่มขึ้นจาก 19% เป็น 25% ในเดือนเมษายนปี 2023 ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจทุกขนาด
โดยทาง Dyson ยังคงยืนยันว่า สหราชอาณาจักรจะยังคงเป็นศูนย์กลางที่สำคัญสำหรับการวิจัยและพัฒนาของบริษัท รวมถึงเป็นที่ตั้งของ Dyson Institute ซึ่งมีนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ระดับปริญญาตรี 160 คน
ทั้งนี้ พนักงาน Dyson รายหนึ่งเปิดเผยกับ BBC ว่า ถึงแม้ Dyson จะยังคงมีอาคารวิจัยและพัฒนาในสหราชอาณาจักร แต่พนักงานทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนาได้ออกจากอาคารของ Dyson ไปแล้ว และคาดการณ์ว่า Dyson อาจจะลดต้นทุนด้วยการจ้างงานบุคลากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทน ด้าน Dyson ได้ตอบกลับ BBC ว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
Dyson กับอนาคตที่ไม่แน่นอน
แม้ Dyson จะยืนยันว่าแผนการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้มีการวางแผนล่วงหน้ามาเป็นเวลานานแล้ว แต่ Danni Hewson หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์การเงินของบริษัทการลงทุน AJ Bell ชี้ให้เห็นว่ายังคงมีข้อกังวลเกี่ยวกับอนาคตของธุรกิจ Dyson ในสหราชอาณาจักรตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทตัดสินใจย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังสิงคโปร์ การลดพนักงานในสหราชอาณาจักรลงหนึ่งในสี่ครั้งนี้จึงเป็นเหมือนเครื่องตอกย้ำความกังวลดังกล่าว
การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อพนักงานที่ต้องตกงานกว่า 300 คน แต่ยังเป็น "ความสูญเสียที่สำคัญ" ต่อเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่พรรคแรงงานกำลังผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโต การสูญเสียตำแหน่งงานจำนวนมากในภาคอุตสาหกรรมเช่นนี้ อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภค ซึ่งอาจนำไปสู่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจได้
นอกจากนี้ การตัดสินใจของ Dyson ยังทำให้เกิดคำถามถึงความเชื่อมั่นของ Sir James Dyson และบริษัท Dyson ในศักยภาพทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรในระยะยาว การย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังสิงคโปร์ในปี 2019 และการลดพนักงานในสหราชอาณาจักรครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า Dyson กำลังมองหาโอกาสและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยมากกว่าในภูมิภาคอื่น ซึ่งอาจเป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น นโยบายภาษีที่ไม่เอื้ออำนวย สภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน หรือการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์
ด้าน Roz Savage สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรค Liberal Democrats ประจำเขต South Cotswolds แสดงความกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อการประกาศปลดพนักงานของ Dyson โดยเน้นย้ำถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับชุมชน Malmesbury ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน หากพนักงานจำนวนมากต้องตกงาน เธอเชื่อว่าความเดือดร้อนนี้จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อธุรกิจท้องถิ่นและเศรษฐกิจโดยรวมของเมือง
Richard Clewer ผู้นำสภา Wiltshire และสมาชิกสภาผู้รับผิดชอบด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ได้แสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อข่าวการปลดพนักงานครั้งนี้ โดยระบุว่าพนักงาน Dyson จำนวนมากอาศัยและทำงานอยู่ใน Wiltshire และสภาจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนนี้
ด้านศาสตราจารย์ Andrew Graves ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเครื่องกลและนักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Bath ให้ความเห็นว่า ผู้ที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมนี้ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับการประกาศลดพนักงานของ Dyson และ "ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เช่นนี้มาเป็นระยะเวลานานแล้ว"
"สถานการณ์การแข่งขันในตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วโลกมีความรุนแรงสูง และผลิตภัณฑ์ของ Dyson หลายรายการก็ไม่ประสบความสำเร็จในระยะหลัง" ท่านกล่าว
"บริษัทได้ทุ่มงบประมาณจำนวนสองพันล้านปอนด์เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าใน Hullavington แต่โครงการดังกล่าวก็ถูกระงับอย่างรวดเร็วเมื่อบริษัทตระหนักว่ามีความท้าทายมากเกินไป นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ บางรายการก็ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีในตลาด ทำให้บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายด้าน" ศาสตราจารย์ Graves กล่าวเสริมว่า "นี่เป็นมาตรการลดต้นทุนครั้งใหญ่" และหากมีการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก ก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเมือง Malmesbury
เจมส์ ไดสัน ยังคงมีทรัพยากรมากพอในการลงทุนในโครงการใหม่ๆ