เปิดประวัติ เอบราฮิม ไรซี กับเส้นทางสู่ประธานาธิบดีอิหร่านสายแข็ง
ไรซียังได้แสดงจุดยืนที่ก้าวร้าวมากขึ้น และเลือกที่จะโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธและโดรนอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งทำให้ทั้งสองประเทศเข้าใกล้ความขัดแย้งโดยตรงและเปิดเผยเป็นครั้งแรก
เขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในเดือนมิถุนายน 2021 โดยประกาศว่าตนเป็นบุคคลที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับการคอร์รัปชันและปัญหาเศรษฐกิจของอิหร่าน
ตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่านนั้น ถ้าเทียบก็เป็นเหมือนเบอร์ 2 เพราะตำแหน่งที่มีอำนาจในการกำหนดทิศทางประเทศอิหร่านนั้นจริง ๆ แล้วคือ ผู้นำสูงสุด ซึ่งปัจจุบันเป็นของ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี
แต่ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 อย่างนี้ ไรซีดำรงตำแหน่งสำคัญในอิหร่านมายาวนาน รวมถึงบทบาทสำคัญที่เรียกว่า "คณะกรรมการประหารชีวิต" (Death Committee) ซึ่งมีส่วนรับผิดชอบในการประหารชีวิตผู้คนหลายพันคนในช่วงทศวรรษ 1980 (แต่เขาปฏิเสธมาโดยตลอด)
ในขณะที่ยังเป็นนักศึกษา เขาได้เข้าร่วมการประท้วงครั้งใหญ่ต่อต้านชาห์ (ตำแหน่งผู้นำราชวงศ์อิหร่าน) ที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตกในปี 1979 ซึ่งนำไปสู่การปฏิวัติอิสลามภายใต้การแนะนำของ อยาตอลเลาะห์ รูฮอลเลาะห์ โคไมนี อดีตผู้นำสูงสุดอิหร่าน
ในช่วงปีแรกอันวุ่นวายของการปฏิวัติอิสลาม ไรซีศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยชาฮิดโมตาฮารี (Shahid Motahari) ในกรุงเตหะราน ซึ่งเขาได้รับปริญญาเอกสาขานิติศาสตร์และกฎหมายอิสลาม
ต่อมาเมื่ออายุ 25 ปี ไรซีเข้าร่วมกับฝ่ายตุลาการ และขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญอย่างรวดเร็ว โดยได้เป็นรองอัยการของเตหะราน
ในเวลาต่อมา ไรซีทำหน้าที่เป็นหัวหน้าอัยการของเตหะราน จากนั้นเป็นหัวหน้าองค์กรตรวจราชการของรัฐ กระทั่งในปี 2006 เขาได้รับเลือกเข้าสู่สภาผู้เชี่ยวชาญ (Assembly of Experts) ซึ่งมีหน้าที่แต่งตั้งและดูแลผู้นำสูงสุด สมาชิกของสภานี้จะต้อวได้รับอนุมัติจากสภาผู้พิทักษ์ (Guardian Council)
การเลือกตั้งประธานาธิบดีอิหร่านในปี 2009 ได้ก่อให้เกิดการประท้วงในประเทศต่อเนื่องหลายเดือน ซึ่งไรซีจัดการด้วยการปราบปรามอย่างโหดร้ายและกักขังผู้ประท้วงจำนวนมาก เขากลายเป็นอัยการสูงสุดของประเทศในปี 2014 และถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ คว่ำบาตรในปี 2019 จากบทบาทของเขาในการปราบปรามด้วยความรุนแรง
แต่ภายใต้การนำของไรซี เขาสั่งงเดินหน้าการพัฒนาและเสริมสมรรถนะยูเรเนียมในระดับเกือบเป็นเกรดทำอาวุธ และขัดขวางการตรวจสอบระหว่างประเทศ
ไรซีถูกมองว่าอาจจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำสูงสุดอิหร่านต่อจากคาเมเนอี โดยผู้นำสูงสุดเคยแสดงการสนับสนุนไรซีด้วยการแต่งตั้งเขาเป็นรองหัวหน้าสภาผู้เชี่ยวชาญในปี 2019 ซึ่งเป็นฐานอำนาจสำคัญที่นำไปสู่การคว้าชัยเลือกตั้ง 2021 แม้จะเป็นการเลือกตั้งที่มีจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิหร่านก็ตาม
อิหร่านภายใต้ไรซีได้จัดหาอาวุธให้กับรัสเซียในการทำสงครามกับยูเครน ใช้โดรนและขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล และสนับสนุนอาวุธให้กับกลุ่มติดอาวุธในตะวันออกกลาง เช่น กลุ่มฮูตีในเยเมน และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน