ลี เซียนลุง ลาเก้าอี้นายกฯสิงคโปร์ ส่งมอบให้ ลอเรนซ์ วอง


ลี เซียนลุง ลาเก้าอี้นายกฯสิงคโปร์ ส่งมอบให้ ลอเรนซ์ วอง


"ลี เซียนลุง" ประกาศอำลาตำแหน่ง เตรียมส่งมอบเก้าอี้นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ให้ "รองนายกฯลอเรนซ์ วอง" 15 พ.ค.นี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงการนำเมืองครั้งแรกในรอบ 20 ปีของสิงคโปร์

วันที่ 15 เม.ย. 67 NIKKEI ASIA เปิดเผยข่าวผ่านเว็บไซต์ asia.nikkei.com ว่า นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลี เซียนลุง ประกาศในวันจันทร์ว่า เขาจะส่งมอบตำแหน่งผู้นำสิงคโปร์ให้กับรองนายกรัฐมนตรี ลอเรนซ์ วอง ในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงการนำเมืองครั้งแรกในเขตเมืองในรอบ 20 ปีของสิงคโปร์

โดยลี เซียนลุง ได้ระบุข้อความผ่านโซเชียลมีเดียวว่า "สำหรับประเทศการเปลี่ยนแปลงผู้นำเป็นช่วงเวลาสำคัญ ขอให้ประชาชนสิงคโปร์ทุกคนให้การสนับสนุนลอร์เรนซ์และทีมของเขาอย่างเต็มที่ และร่วมงานกับพวกเขาเพื่อสร้างอนาคตที่สดใสให้สิงคโปร์"

asia.nikkei ระบุด้วยว่า ลอเรนซ์ วอง โพสต์ข้อความในเฟวบุ๊กของเขาว่า
"ผมภูมิใจที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบใหม่เป็นนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และยอมรับความรับผิดชอบนี้ผิดชอบอย่างจริงใจ และผมขอสาบานว่าจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างในการปฏิบัติงานนี้ของผม สามารถสร้างอนาคตที่สดใสสำหรับประชาชนสิงคโปร์ทุกคน"

สำหรับประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ นายลอเรนซ์ วอง จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 นับจากปี ค.ศ. 1965 ที่เมืองสิงคโปร์ประกาศตนเป็นประเทศเอกราช มีอำนาจอธิปไตยของตนเอง

จะเป็นการครองเก้าอี้ต่อจาก นายลี เซียนลุง ที่ครองตำแหน่งมายาวนาน 20 ปี ต่อจากบิดาของเขาซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์คือ " ลี กวน ยู"

asia.nikkei ระบุข้อมูลของ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสิงคโปร์ด้วยว่า
วอง อายุ 51 ปี เริ่มต้นอาชีพเป็นข้าราชการในปี ค.ศ. 1997 เขาได้ทำงานที่กระทรวงพาณิชย์และการเงินและรับมอบหมายงานอื่น ๆ ต่อมาเขาได้ดำเนินงานในหน้าที่องค์กรพลังงานของสิงคโปร์ และเป็นเลขาธิการส่วนตัวของลี เซียนลุง และยังเคยเป็นรัฐมนตรีด้านการพัฒนาและการศึกษา

โดยก่อนหน้านี้ ลี เซียนลุง เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขาวางแผนเพื่อลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ความสำคัญกับผู้นำของ "รุ่นที่ 4" หรือทีม "4G" ของพรรคการกระทำราษฎร์ (PAP) ภายในปี ค.ศ. 2022 ก่อนที่เขาจะเป็นอายุ 70 ปี

แต่ทว่าแผนนั้นถูกขัดขวาง โดยการระบาดของโรค COVID-19 จนทำให้เขาตัดสินอีกครั้งและยืนยันแผนเดิมในวัย 72 ปี

เครดิตแหล่งข้อมูล : thansettakij


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์