อิสราเอลใช้ระบบแอร์โรว์ สกัดฝูงโดรนสังหาร-ขีปนาวุธอิหร่าน

อิสราเอลใช้ระบบแอร์โรว์ สกัดฝูงโดรนสังหาร-ขีปนาวุธอิหร่านที่ปล่อยออกมากว่า 300 ลำ อาจจุดชนวนสงครามตะวันออกกลางขยายใหญ่ขึ้น

อิสราเอลใช้ระบบแอร์โรว์-วันที่ 14 เม.ย.บีบีซีรายงานสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านว่า กองทัพอิสราเอลและชาติพันธมิตรในภูมิภาคสกัดโดรนสังหารและขีปนาวุธของอิหร่านส่วนใหญ่ไว้ได้ จากกว่า 300 ลำ หลังจากอิหร่านเอาคืนในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

วัตถุถูกสกัดเหนือท้องฟ้า หลังอิหร่านปล่อยโดรนและขีปนาวุธมุ่งเป้าอิสราเอล ที่เมืองอัชเกลอน ประเทศอิสราเอล เมื่อ 14 เม.ย. (รอยเตอร์)

นับเป็นครั้งแรกที่อิหร่านโจมตีอิสราเอลโดยตรง ซึ่งยิงขีปนาวุธและปล่อยโดรนจากในประเทศอิหร่านเอง ต่างจากในอดีตที่อิหร่านหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรงกับอิสราเอล โดยรบผ่านตัวแทน

ทั้งนี้ อิสราเอล เลบานอนและอิรักปิดน่านฟ้า ส่วนซีเรียและจอร์แดนสั่งประจำการระบบเตือนภัยทางอากาศแล้ว

กองทัพอิสราเอล (ไอดีเอฟ) แถลงระบุว่า กองทัพใช้ "แอร์โรว์" ระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศร่วมกับชาติพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ในภูมิภาค สกัดขีปนาวุธจากอิหร่านไม่ให้สามารถข้ามมายังดินแดนอิสราเอลได้ร้อยละ 99 อย่างไรก็ตาม ขีปนาวุธที่เหลือสามารถทะลวงเข้าโจมตีฐานทัพไอดีเอฟ ทางใต้ ส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานเสียหายเล็กน้อย ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ทั้งนี้ ระบบป้องกันภัยแอร์โรว์ ถูกออกแบบมาให้เอาชนะขีปนาวุธนำวิถีที่ระดับความสูงมากกว่าโดรนเคลื่อนที่ช้า อิสราเอลเคยใช้ระบบแอร์โรว์ยิงทำลายขีปนาวุธนำวิถีของกลุ่มติดอาวุธฮูตีที่ยิงจากประเทศเยเมน ท่ามกลางสงครามในกาซ่า

เจ้าหน้าที่สหรัฐระบุว่า สหรัฐยิงทำลายโดรนอิหร่านที่มุ่งหน้าอิสราเอลจนร่วงหลายลำ

เสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศดังระงมทั่วอิสราเอลรวมถึงเสียงระเบิดเหนือท้องฟ้านครเยรูซาเล็ม ขณะระบบป้องกันทางอากาศยิงจรวดอิหร่านร่วง

วัตถุเหนือท้องฟ้ากรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน หลังจากอิหร่านปล่อยโดรนและขีปนาวุธใส่อิสราเอล เมื่อ 14 เม.ย. (รอยเตอร์)

นายแกรนต์ ชาปป์ รมว.กลาโหมอังกฤษกล่าวว่า กองทัพอากาศของอังกฤษประจำภูมิภาคตะวันออกกลางจะสกัดการโจมตีทางอากาศใดๆก็ตามที่อยู่ในรัศมีทำการของกองทัพ

วัตถุเหนือท้องฟ้านครเยรูซาเล็ม ในอิสราเอล หลังอิหร่านปล่อยโดรนและขีปนาวุธโจมตีเมื่อ 14 เม.ย. (รอยเตอร์)

ก่อนหน้านี้ อิหร่านเตือนว่า อิสราเอลจะถูกลงโทษจากกรณีโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย สังหารนายทหารอาวุโส 2 นายในหน่วยรบพิเศษคุดส์ สังกัดกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ปีกทางการทหารที่ทรงอำนาจที่สุดของประเทศ เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่อิสราเอลไม่ยอมรับอย่างเป็นทางการ

การเอาคืนของอิหร่านนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ รัฐบาลอิหร่านจะตอบโต้รุนแรงขึ้นหลังจากสถานกงสุลถูกโจมตี ซึ่งอิหร่านมองว่า ละเมิดอำนาจอธิปไตย

ภาพกราฟฟิกแสดงการสัญจรทางอากาศเหนือน่านฟ้าอิหร่านและชาติเพื่อนบ้านในภูมิภาคตะวันออกกลาง เมื่อ 7 เม.ย.(รอยเตอร์)

ขณะนี้นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลและนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากำลังหารือทางโทรศัพท์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายไบเดนต้องหั่นทริปไปรัฐเดลาแวร์ให้สั้นลง เพื่อไปรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ที่ทำเนียบขาวและกล่าวประณามการโจมตีอิสราเอลของอิหร่านและว่า สหรัฐจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของอิสราเอล

"อิหร่านและกองกำลังตัวแทนของอิหร่านจากเยเมน ซีเรียและอิรัก โจมตีทางอากาศต่ออิสราเอลอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" นายไบเดนกล่าว

ความเป็นไปได้ที่เลวร้ายในอนาคต สำหรับสหรัฐและพันธมิตร กล่าวคือถูกลากเข้าไปในความขัดแย้งแบบตาต่อตาฟันต่อฟันที่อาจจุดชนวนให้เกิดสงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางขยายใหญ่ขึ้น

ขณะนี้ เป็นโอกาสของอิสราเอลที่จะโจมตีอิหร่านกลับ ซึ่งยังไม่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ทันสมัย

นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็นเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างที่สุด หลังจากมีสัญญาณเตือนเกี่ยวกับอันตรายของความรุนแรงที่ขยายทั่วภูมิภาคในขณะนี้

"ผมขอประณามอย่างยิ่งต่อการเพิ่มระดับความรุนแรงจากกรณีที่อิหร่านโจมตีครั้งใหญ่ต่ออิสราเอลเมื่อช่วงค่ำ ผมขอเรียกร้องให้หยุดความเป็นศัตรูทันที" นายกูแตร์เรสกล่าว