ปธน.เกาหลีใต้ ลั่นเสียใจ ปมฉาวเมียรับกระเป๋าหรู แบรนด์ Dior

     ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ของเกาหลีใต้ ออกมากล่าวถึงคลิปวิดีโอแอบถ่ายที่แสดงให้เห็นว่า คิม ก็อนฮี ภรรยาของนายยุนและสตรีหมายเลขหนึ่ง รับกระเป๋าแบรนด์หรู Dior เป็นของขวัญ จนเป็นที่โจษจันของสังคมแล้วกับสถานีโทรทัศน์เคบีเอสเมื่อวันพุธ (7 ม.ค.)

 โดยกล่าวว่า คลิปดังกล่าวเป็น "อุบายทางการเมือง" โดยที่นายยุนกล่าวเพียงว่าเขาเสียใจ แต่ไม่ได้กล่าวขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพียงแต่ให้คำมั่นว่าจะขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจนขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก

"ไม่สำคัญว่าจะเรียกเป็นกลอุบายทางการเมืองหรือไม่ สิ่งสำคัญคือการกำหนดขอบเขตให้ชัดเจนมากขึ้นกับผู้อื่น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต" ประธานาธิบดียุนกล่าว หลังจากเขาชี้เป้าว่าคลิปดังกล่าวถูกถ่ายไว้ในเดือนกันยายนปี 2022 แต่มีการปล่อยออกมาในเดือนพฤศจิกายนปี 2023 ก่อนหน้าที่เกาหลีใต้จะมีการเลือกตั้ง

นับเป็นการออกมาแสดงความเห็นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกของประธานาธิบดีเกาหลีใต้รายนี้ นับจากเกิดเป็นประเด็นอื้อฉาวขึ้น เมื่อคลิปดังกล่าวถูกปล่อยทางช่อง Voice of Seoul บนยูทูบเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยบาทหลวงอับราฮัม ชเว เป็นผู้แอบถ่ายไว้ด้วยกล้องที่ซ่อนไว้ในนาฬิกาข้อมือของเขา ขณะเข้าพบนางคิมและมอบกระเป๋าแบรนด์ Dior มูลค่า 3 ล้านวอน หรือประมาณ 80,000 บาท ให้กับสตรีหมายเลขหนึ่งผู้นี้

ก่อนหน้านี้สำนักงานประธานาธิบดีเกาหลีใต้ออกมายืนยันว่าได้มีการรับกระเป๋าหรูดังกล่าว แต่ได้รับการจัดการและเก็บไว้เป็นทรัพย์สินของรัฐบาล

ควอน ชิลซึง โฆษกพรรคประชาธิปไตย พรรคฝ่ายค้านเกาหลีใต้ ยังคงโจมตีนายยุนที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ประชาชนคาดหวังด้วยการกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ

  โดยนายควอนกล่าวว่า "ทัศนคติที่ไร้ยางอายของประธานาธิบดีช่างน่าสิ้นหวัง"

ยังมีผู้เข้ามาแสดงความเห็นบนเอ็กซ์ หรือทวิตเตอร์เดิม โดยความเห็นหนึ่งระบุว่า "ไม่มีคำขอโทษสำหรับกระเป๋า Dior ที่คนทั้งประเทศกำลังรอคอย"

กรณีกระเป๋าฉาวมีขึ้นขณะที่เกาหลีใต้กำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้นในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งเป็นผลให้นายยุนถูกสมาชิกภายในพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) ของเขากดดันอย่างหนักให้ออกมาขอโทษและอย่างน้อยก็ยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่เหมาะสม เนื่องจากหวั่นจะกระทบต่อพรรคในศึกเลือกตั้งครั้งนี้

ขณะที่ผลโพลประจำสัปดาห์ล่าสุดของกัลลัพ เกาหลี เมื่อปลายสัปดาห์ก่อนชี้ว่าความนิยมของนายยุนลดลงเหลือ 29% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 9 เดือน โดยผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่า การขาดการสื่อสารในกรณีอื้อฉาวของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง และปัญหาเศรษฐกิจ เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ความนิยมของนายยุนลดลง