อย่างห้าว!น้องสาวคิมเตือนมะกัน ระวังเจอวิกฤตความมั่นคงร้ายแรง

   นางคิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ออกมาเตือนสหรัฐอเมริกาว่า จะเผชิญกับวิกฤตความมั่นคงที่ร้ายแรงยิ่งกว่าเก่า ท่ามกลางความพยายามของสหรัฐที่จะผลักดันให้สหประชาชาติประณามการทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ

คำเตือนของนางคิมมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่นางลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติได้แจ้งกับที่ประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า สหรัฐจะเผยแพร่แถลงการณ์ของประธานาธิบดีที่ประณามการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือและกิจกรรมอื่นๆ ที่ทำลายเสถียรภาพ นอกจากนี้หลังการประชุมจบลง เธอยังได้อ่านแถลงการณ์จาก 14 ประเทศที่จะสนับสนุนการดำเนินการเพื่อจำกัดความก้าวหน้าในโครงการพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนืออีกด้วย

นางคิมซึ่งเชื่อว่าเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากเป็นอันดับสองในเกาหลีเหนือรองจากพี่ชายของเธอ ตำหนิสหรัฐที่ได้มีการออกสิ่งที่เธอระบุว่า เป็นแถลงการณ์ร่วมที่น่าขยะแขยงร่วมกับกลุ่มของพวกที่ชอบคุยโตโอ้อวดอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

นางคิมยังเปรียบเทียบสหรัฐว่าเป็นสุนัขที่เห่าเพราะหวาดกลัว และว่าเกาหลีเหนือเห็นว่าแถลงการณ์ที่นำโดยสหรัฐเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของเกาหลีเหนืออย่างป่าเถื่อน และยังถือเป็นการยั่วยุทางการเมืองอย่างร้ายแรง

"สหรัฐควรระลึกไว้เสมอว่าไม่ว่าจะพยายามปลดอาวุธเกาหลีเหนืออย่างสิ้นหวังเพียงใด ก็ไม่มีวันริดรอนสิทธิในการป้องกันตนเองของเราได้ และยิ่งจะทำให้ได้รับผลเสียจากการต่อต้าน ทั้งยังจะเผชิญกับวิกฤตความมั่นคงที่ร้ายแรงยิ่งกว่านี้"นางคิมระบุ

นางคิมกล่าวว่า การทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเป็นการใช้สิทธิในการป้องกันตนเองโดยชอบธรรม เพื่อตอบโต้การซ้อมรบร่วมทางทหารระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้ ซึ่งเกาหลีเหนือมองว่าเป็นการซ้อมรบเพื่อการรุกราน ขณะที่สหรัฐและเกาหลีใต้ระบุว่าเป็นการฝึกซ้อมเพื่อป้องกันประเทศโดยทั่วไป

น้องสาวของผู้นำคิมกล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าการเปิดตัวขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ของเกาหลีเหนือถูกนำไปหารือในคณะมนตรีความมั่นคงทำให้เห็นได้ชัดว่าเป็นการปฏิบัติอย่างสองมาตรฐานโดยองค์การสหประชาชาติ เพราะไม่ได้มีการระบุถึงการฝึกซ้อมทางทหารของสหรัฐและเกาหลีใต้ ขณะที่เกาหลีเหนือจะไม่ยอมให้มีความพยายามใดๆ ก็ตามที่จะบ่อนทำลายสิทธิในการป้องกันตนเอง และจะตอบโต้อย่างแข็งกร้าวจนถึงที่สุดเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ

ทั้งนี้ การประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีขึ้นหลังจากที่เกาหลีเหนือได้เปิดตัวไอซีบีเอ็ม "ฮวาซอง-17" ซึ่งมีพิสัยการยิงไกลได้ถึงดินแดนของสหรัฐ

ในระหว่างการหารือสหรัฐและชาติพันธมิตรได้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวอย่างรุนแรง พร้อมกับเรียกร้องให้มีการดำเนินการเพื่อจำกัดโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ แต่จีนและรัสเซียซึ่งเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ใช้สิทธิ์วีโต้ และคัดค้านการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อเกาหลีเหนือ