แฉ ทหารเมียนมาอำมหิต ฆ่าโหด 30 ศพ จับมัดเผาทั้งเป็น!
สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อวันที่ 26 ธันวาคมว่า เกิดเหตุการณ์ล้อมปราบชาวบ้านแล้วเผาทิ้ง โดยน้ำมือของทหารเมียนมาอีกครั้ง โดยเหยื่อมีมากกว่า 30 คน รวมทั้งผู้หญิงและเด็ก โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงวันที่ 24 ธันวาคมเรื่อยมาจนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ที่บริเวณหมู่บ้านโมโซ นอกเมืองปรูโซ ในรัฐกะยา ที่เดิมเป็นแหล่งพักอาศัยชั่วคราวของชาวบ้านที่หลบหนีการสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังต่อต้าน ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนของไทย
รายงานข่าวระบุว่า ภาพเหตุการณ์หลังการสังหารหมู่ดังกล่าว ถูกเผยแพร่ว่อนโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นซากศพมากกว่า 30 ศพที่ถูกเผาเป็นตอตะโกอยู่ภายในรถ 3 คัน
เอพี อ้างแหล่งข่าวที่เป็นชาวบ้านซึ่งเข้าไปตรวจสอบหลังเกิดเหตุแล้วระบุว่า เหยื่อส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่หลบหนีการสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังกลุ่มต่อต้านซึ่งเกิดขึ้นบริเวณหมู่บ้าน กอยงัน ที่อยู่ติดกับโมโซ โดยกำลังทหารเข้าโอบล้อมชาวบ้านเหล่านี้ที่กำลังเตรียมหลบหนีออกจากหมู่บ้านที่พักไปใช้ชีวิตอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยในรัฐกะยา ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองปรูโซ
"เซฟ เดอะ ชิลเดรน" องค์กรการกุศลเพื่อเด็กในเมียนมา แถลงว่า เจ้าหน้าที่ของกลุ่ม 2 รายซึ่งกำลังเตรียมเดินทางกลับบ้านหลังจากปฏิบัติภารกิจเพื่อสิทธิมนุษยชนในชุมชนใกล้เคียง หลุดเข้าไปอยู่กลางวงการล้อมปราบ และยังคงหาตัวไม่พบจนถึงเวลานี้
"เราได้รับข้อมูลยืนยันว่า รถของคนทั้งสอง ถูกโจมตีแล้วเผาทิ้ง มีรายงานระบุว่า ทหารรัฐบาลเมียนมา บังคับให้ทุกคนลงจากรถ จับกุมบางส่วน ฆ่าคนที่เหลือแล้วเผาศพทิ้ง" แถลงการณ์ของเซฟ เดอะ ชิลเดรน ระบุ
แหล่งข่าวของเอพีระบุว่า สภาพเหยื่อถูกเผาจนจำไม่ได้ ในบริเวณใกล้เคียงยังพบเสื้อผ้าของเด็กและผู้หญิง รวมอยู่กับเวชภัณฑ์และอาหารจำนวนหนึ่ง โดยมีหลายศพที่อยู่ในสภาพถูกมัดมือด้วยเชือกก่อนที่จะถูกเผา
แหล่งข่าวรายนี้ ระบุว่าไม่ให้เห็นเหตุการณ์ตอนที่มีการสังหาร แต่เชื่อว่าผู้เสียชีวิตเป็นชาวบ้านหมู่บ้านโมโซ ซึ่งถูกล้อมปราบแล้วจับกุมเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมาแหล่งข่าวของเอพีระบุว่า จนถึงขณะนี้การสู้รบระหว่างกองกำลังต่อต้านรัฐบาลทหารกับทหารเมียนมายังคงดำเนินไปอย่างหนักหน่วงใกล้หมู่บ้านโมโซ
ด้านหนังสือพิมพ์ เมียนมา อาลินน์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของทางการเมียนมา รายงานเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมว่า การสู้รบที่โมโซ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม เป็นการปะทะของทหารเมียนมา กับกองกำลังติดอาวุธของพรรคชนชาติกะเหรี่ยงก้าวหน้า (เคเอ็นพีพี) โดยมีการใช้รถต้องสงสัย 7 คัน โจมตีเข้าหน้าที่หลังจากไม่ยอมหยุดรถให้ตรวจ
รายงานของเมียนมา อาลินน์ อ้างว่า กลุ่มต่อต้านดังกล่าวรวมถึงชาวบ้านที่เป็นสมาชิกใหม่กำลังเดินทางไปฝึกทหารกับเคเอ็นพีพี และระบุว่ารถทั้ง 7 คันเสียหายจากไฟไหม้ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นใดเพิ่มเติมนายบันยา คุน อ่อง ผู้อำนวยการกลุ่มสิทธิมนุษนชนกะเหรี่ยง แถลงประนามเหตุการณ์สังหารหมู่โหดเหี้ยมในครั้งนี้ว่า เป็นอาชญากรรมร้ายแรง ที่เลวร้ายมากขึ้นไปเพราะก่อในช่วงคริสต์มาส โดยถือว่า เป็นการกระทำที่เข้าข่ายการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
สำหรับรัฐกะยา ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมียนมา ชายแดนด้านตะวันออกติดต่อกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนของไทย โดยคนส่วนใหญ่ในรัฐนี้เป็นชาวกะยา หรือ กะเหรี่ยงแดง