ไบเดนอยู่ไหน ในวันที่สหรัฐฯถอนทัพ-อัฟกานิสถานแตกสลาย
แรงกดดันดังกล่าวเกิดขึ้นหลังบรรดาผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกโจมตีการบริหารจัดการภารกิจถอนทัพสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีไบเดนว่า "ไร้ยางอาย" ขณะที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โจมตีว่าสหรัฐกลายเป็นตัวตลก และว่าตาลิบันหมดความเกรงกลัวอเมริกาในยุคของไบเดนไปแล้ว
'ไบเดน'อยู่ไหน
หลังผู้นำสหรัฐฯ เดินทางไปพักผ่อนที่แคมป์เดวิดในช่วงที่กรุงคาบูลถูกกลุ่มตาลิบันบุกเข้ายึดครอง ปิดฉากสงคราม 20 ปี ของสหรัฐฯ ท่ามกลางความโกลาหลในการอพยพชาวต่างชาติ และเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากชาวอัฟกัน สร้างความสะเทือนใจให้กับประชาคมโลก
ประธานาธิบดีไบเดน ยังถูกโจมตีถึงท่าทีนิ่งเฉยต่อสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน ขณะที่ทำเนียบขาวเผยแพร่ภาพผู้นำสหรัฐฯ นั่งประชุมหารือกับทีมที่ปรึกษาระดับสูงทางออนไลน์อย่างโดดเดี่ยวในช่วงพักร้อนจากแคมป์เดวิด เพื่อพยายามควบคุมสถานการณ์
ความเพลี่ยงพล้ำครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นของประธานาธิบดีไบเดนถูกโจมตีทันทีจากอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งเป็นบุคคลต้นดำริภารกิจถอนทัพสหรัฐฯออกจากสมรภูมิอัฟกานิสถาน แต่ทรัมป์ ระบุว่า แผนถอนทัพของตนนั้นมีความปลอดภัยและเคารพต่อชาวอัฟกันมากกว่านี้
ทรัมป์ยังอ้างว่าเคยมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มตาลิบัน ทำให้กลุ่มตาลิบันตระหนักดีว่าหากก่อเหตุโจมตีในช่วงที่สหรัฐฯถอนทหารนั้นก็จะต้องเจอการตอบโต้อย่างรุนแรง
"ผมเคยคุยกับระดับผู้นำของพวกตาลิบันเค้า ผมบอกเค้าว่าถ้าตุกติกล่ะก็จะได้เจอดีแน่ ชนิดที่ว่าอ่วมอรทัยไปเลย" ทรัมป์ ระบุ
ประธานาธิบดีไบเดน ระบุว่า กองทัพอัฟกานิสถานมีกำลังทหารถึง 3 แสนนายที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ครบมือ เสบียงอาหารเพรียบพร้อม รวมถึงกองทัพอากาศเหมือนกันกับกองทัพในอารยประเทศอื่นๆ ต่อสู้กับนักรบตาลิบันเพียงหยิบมือเดียวประมาณ 7,500 คนเท่านั้น
นายแอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวตอบสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่าเหตุใดรัฐบาลจึงไม่อพยพพลเรือนให้เสร็จสิ้นก่อนจะถอนทัพ ว่าการตัดสินใจส่งทหารอเมริกันกลับเข้าไปช่วยเหลือสะท้อน ว่ารัฐบาลวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้วแต่แรก
รายงานระบุว่า ประธานาธิบดีไบเดน พร้อมนางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เดินทางไปยังแคมป์เดวิดที่ชานกรุงวอชิงตันดีซีตั้งแต่เมื่อ 13 ส.ค. และจะกลับมาทำเนียบวันที่ 18 ส.ค. โยสถานที่ดังกล่าวนอกจากใช้พักผ่อนแล้วก็สามารถทำงานทางไกลได้
ด้านบรรดาวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายคนทวีตตั้งคำถามอย่างเผ็ดร้อนว่าเหตุใดผู้นำสหรัฐฯ จึงตัดสินใจไปพักร้อนในช่วงที่ชาติกำลังเผชิญวิกฤตหลายด้าน อาทิ การระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ ปัญหาเงินเฟ้อ และการล่มสลายของอัฟกานิสถาน
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไบเดน เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ว่าจะยุติสงครามอัฟกานิสถานที่กินเวลามายาวนานถึง 20 ปีแล้ว นับเป็นสงครามที่ยืดเยื้อยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
"ผมเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนที่สี่แล้วที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งขณะที่กองทัพของเรายังต่อสู้อยู่ในอัฟกานิสถาน สองท่านจากเดโมแครตและอีกสองท่านจากรีพับลิกัน ผมจะไม่ปล่อยและไม่ยอมส่งต่อสงครามนี้ให้กับคนที่ห้าเด็ดขาด" ไบเดน กล่าว
ขณะที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวโจมตีผ่านแถลงการณ์ทางอีเมล โดยมีเนื้อหาดังนี้
"โจ ไบเดน พลาดเรื่องนโยบายการต่างประเทศมาทุกครั้ง รวมถึงอีกหลายปัญหาด้วย เป็นที่ทราบกันดีว่าแกไม่เก่งเรื่องรับแรงกดดัน"
"เค้ารีบหนีออกจากอัฟกานิสถานแทนที่จะดำเนินการตามแผนที่รัฐบาลของผมก่อนหน้าวางไว้ให้ แผนที่จะปกป้องความปลอดภัยให้กับพลเมืองและทรัพย์สินของเรา รวมถึงแผนที่จะไม่ปล่อยให้พวกตาลิบันมายึดเอาสถานทูตของเราไปได้ และสร้างรังสำหรับไว้โจมตีอเมริกาอีกในอนาคต"
"การถอนทัพที่ผมวางแผนไว้ คือ ให้ข้อเท็จจริงจากภาคพื้นเป็นตัวกำหนด ตอนที่ผมกวาดล้างพวกไอเอสได้ ผมก็สร้างมาตรการป้องปรามเหตุแบบนี้ไว้แล้ว ตอนนี้หายไปหมด"
"กลายเป็นว่าพวกตาลิบันเลิกกลัวและยำเกรงอเมริกาไปเรียบร้อย มันคงจะเป็นอะไรที่น่าทุเรศมากตอนที่พวกตาลิบันมันชักธงของพวกมันขึ้นในสถานทูตของเราที่กรุงคาบูล"
"นี่แหละคือความล้มเหลวจากความอ่อนแอ ความไม่เอาไหน และความไม่สอดคล้องกันของยุทธศาสตร์" ทรัมป์ ระบุ