สะพรึง! อินเดียพบผู้ป่วยโควิด ติดเชื้อราดำ ถูกควักลูกตาเพียบ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวรอบโลก สะพรึง! อินเดียพบผู้ป่วยโควิด ติดเชื้อราดำ ถูกควักลูกตาเพียบ
บีบีซี รายงานว่า แพทย์อินเดียพบผู้ป่วยโควิดติดเชื้อราดำชนิดร้ายแรงขึ้นตา สมองและระบบทางเดินหายใจเป็นจำนวนมาก หลายรายถูกควักลูกตาทิ้งเพื่อรักษาชีวิต
ดร. อัคเชย์ นาอีร์ ศัลยแพทย์ด้านตาที่โรงพยาบาล 3 แห่งในนครมุมไบ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 มากที่สุดของอินเดียเผยว่า ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ป่วยโควิดที่อาการดีขึ้นหรือหายแล้วจำนวนมากที่ติดเชื้อราดำหรือมิวคอร์ไมโคซิส ซึ่งเป็นราดำชนิดร้ายแรงและหายาก มักพบในระบบทางเดินหายใจ ตาและสมอง ทำให้แพทย์ต้องผ่าตัดควักลูกตาทิ้งเพื่อรักษาชีวิตผู้ป่วยไว้ เฉพาะที่โรงพยาบาลสามแห่งนี้พบแล้วราว 40 รายภายในเวลา 1 เดือน มี 11 รายต้องควักลูกตาทิ้ง และหลายรายเสียชีวิต โดยส่วนใหญ่เกิดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
ดร. อัคเชย์ นาอีร์ ศัลยแพทย์ด้านตาที่โรงพยาบาล 3 แห่งในนครมุมไบ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 มากที่สุดของอินเดียเผยว่า ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ป่วยโควิดที่อาการดีขึ้นหรือหายแล้วจำนวนมากที่ติดเชื้อราดำหรือมิวคอร์ไมโคซิส ซึ่งเป็นราดำชนิดร้ายแรงและหายาก มักพบในระบบทางเดินหายใจ ตาและสมอง ทำให้แพทย์ต้องผ่าตัดควักลูกตาทิ้งเพื่อรักษาชีวิตผู้ป่วยไว้ เฉพาะที่โรงพยาบาลสามแห่งนี้พบแล้วราว 40 รายภายในเวลา 1 เดือน มี 11 รายต้องควักลูกตาทิ้ง และหลายรายเสียชีวิต โดยส่วนใหญ่เกิดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
แพทย์เชื่อว่าอาการติดเชื้อราในผู้ป่วยโควิดเกิดจากการใช้ยาสเตอรอยด์เพื่อลดอาการติดเชื้อในปอดในกลุ่มผู้ป่วยอาการหนัก แต่กลับเกิดผลข้างเคียงคือสเตอรอยด์ไปกดภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ต่ำลง และเพิ่มระดับน้ำตาลให้สูงขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ป่วยเบาหวานซึ่งมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอยู่แล้วยิ่งสูงขึ้นไปอีก
นอกจากนี้แพทย์ยังพบผู้ป่วยโควิดติดเชื้อราดำในอีกหลายเมืองรวมทั้งบังกาลอร์, ไฮเดอราบัด, ปูเนและกรุงนิวเดลี ซึ่งเริ่มพัฒนาอาการนี้หลังฟื้นตัวจากโควิดราว 2 สัปดาห์ ซึ่งแพทย์กล่าวว่าอาการติดเชื้อรานี้เพิ่งมาพบในผู้ป่วยโควิดระลอกสอง แต่ไม่มีรายงานในกลุ่มผู้ติดเชื้อระลอกแรกเมื่อปีที่แล้วล่าสุด อินเดียทำลายสถิติมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 4 พันคนต่อวันเป็นวันที่สองติดต่อกันคือ 4 พัน 133 คน
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น