เปิดตำนานรัก 73 ปีของเจ้าชายฟิลิป-ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ยอมเสียสละเพื่อคนที่รัก
เดือนกรกฎาคม ปี 1939 คือครั้งแรกที่ทั้งสองพบกัน ตอนนั้นเจ้าหญิงเอลิซาเบธ หรือ ‘ลิลิเบธ' (Lilibeth - พระนามลำลอง) พระราชนิดาในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 (King George VI) มีพระชนมายุเพียง 13 พรรษา ออกเดินทางพร้อมเจ้าหญิงมาร์กาเรต (Princess Margaret) พระขนิษฐา และครอบครัวไปยังมหาวิทยาลัย Britannia Royal Naval College ที่เมืองดาร์ตเมาธ์ ที่นั่นลิลิเบธได้พบกับเจ้าชายฟิลิป (Prince Philip) แห่งกรีซและเดนมาร์กที่มีพระชนมายุ 18 พรรษา ซึ่งทรงเข้ารับราชการทหารในราชนาวีอังกฤษในปีนั้น พระองค์ทรงมีพระโฉมหล่อเหลา กิริยาท่าทางและรูปร่างผึ่งผายสมชายชาติทหาร
ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นญาติชั้นที่หนึ่งของกันและกัน ผ่านทางสายพระโลหิตของพระเจ้าคริสเตียนที่ 9 แห่งเดนมาร์ก (Christian IX of Denmark) และทรงเป็นพระญาติชั้นที่สาม ผ่านทางสายพระโลหิตของสมเด็จพระราชินินาถวิกตอเรีย (Queen Victoria) ในวันนั้นเจ้าชายฟิลิปได้ทรงทำหน้าที่เป็นผู้นำเสด็จเจ้าหญิงทั้งสองพระองค์ทอดพระเนตรทั่วบริเวณมหาวิทยาลัย รวมทั้งสร้างความประทับพระทัยด้วยการกระโดดข้ามคอร์ตเทนนิส แมเรียน ครอว์ฟอร์ด ผู้ดูแลเจ้าหญิงเอลิซาเบธกล่าวย้อนถึงเหตุการณ์นั้นว่า "ฉันว่าพระองค์โชว์ลีลาออกมาได้ดีเชียวล่ะ"
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1952 เมื่อสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งสหราชอาณาจักรเสด็จสวรรคต ส่งผลให้เจ้าหญิงเอลิซาเบธได้ขึ้นครองราชย์ขณะพระชนมายุ 25 พรรษา เป็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ดยุกฟิลิปก็ทรงยอมลาออกจากทหารเรือระหว่างดำรงยศนาวาโท เพื่อติดตามการเสด็จพระราชดำเนินในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะพระสวามีของพระมหากษัตริย์หญิง
ในปี 1960 ทั้งสองก็มีพระโอรสพระองค์ที่ 2 คือเจ้าชายแอนดรูว์ (Prince Andrew, Duke of York) และต่อด้วยเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด (Prince Edward, Earl of Wassex) เป็นพระองค์สุดท้องในปี 1964 สมเด็จพระราชินีนาถโปรดให้พระโอรสและพระธิดาทั้งสี่พระองค์ใช้ชื่อราชสกุล ‘วินด์เซอร์' (Windsor) ทำให้เจ้าชายฟิลิปเสียพระทัยและเคยตรัสประชดว่า ‘พระองค์คงเป็นผู้ชายคนเดียวในประเทศที่ไม่อาจให้ลูกใช้นามสกุลของตนได้'
ในงาน The Queen's Golden Wedding Anniversary เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองการอภิเษกสมรสครบรอบ 50 ปี ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 1997 สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 มีพระราชดำรัสถึงพระสวามีว่า "เขาเป็นพลังอันเข้มแข็งที่ทำให้ข้าพเจ้ายืนหยัดได้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งข้าพเจ้า สมาชิกในครอบครัว ประเทศนี้ และทุก ๆ ประเทศ ต่างเป็นหนี้ต่อท่านเกินกว่าจะกล่าวอ้างหรือล่วงรู้ได้"