เมแกน เปิดหมดเปลือกชีวิตกดดัน ในราชวงศ์อังกฤษ จนคิดฆ่าตัวตาย
โอปราห์เริ่มการสนทนากับดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ก่อน โดยย้อนรำลึกถึงความทรงจำในวันประกอบพิธีเสกสมรสกับเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งเมแกนได้เผยถึงความรู้สึกในวันนั้นว่า "ฉันรู้สึกล่องลอยเหมือนกับดวงจิตออกจากร่าง มันไม่ใช่แค่วันของเราสองคน แต่เป็นวันที่เตรียมการไว้เพื่อคนทั้งโลก"
ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ยังเผยว่า อันที่จริงแล้วเธอกับเจ้าชายแฮร์รีได้ประกอบพิธีเสกสมรสเป็นการส่วนพระองค์ 3 วัน ก่อนถึงวันงานที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
ส่วนความคาดหวังและสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหลังเข้าเป็นสมาชิกราชวงศ์อังกฤษนั้น เมแกนบอกว่าในตอนแรกยังไม่เข้าใจถึงความหมายของการเป็นพระราชวงศ์ที่ต้องทรงงาน ซึ่งไม่อาจจะรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในแต่ละวัน "คุณถูกตัดสินจากภาพที่ทุกคนมอง แต่กลับต้องอยู่กับความจริงที่ไม่เหมือนในเทพนิยาย"
ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ยังกล่าวถึงการถูกจำกัดเสรีภาพในเรื่องต่าง ๆ หลังเข้าเป็นสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งแม้กระทั่งจะไปรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนฝูงก็ยังไม่สามารถจะทำได้ ทำให้รู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวอย่างยิ่ง เธอยังถูกสั่งให้ปิดปากเงียบไม่ให้ข่าวกับสื่อมวลชน ตั้งแต่ตอนที่เริ่มคบหากับเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งในตอนแรกเธอคิดว่ามันคือการช่วยปกป้องตัวของเธอเอง แต่ในภายหลังมันไม่ใช่อย่างที่คิด
"ในทันทีที่เราแต่งงานกัน ทุกอย่างก็เริ่มเลวร้ายลง ทำให้ฉันเริ่มเข้าใจว่าไม่ได้เป็นคนที่ถูกปกป้องเลย พวกเขายินดีจะโกหกเพื่อปกป้องสมาชิกราชวงศ์พระองค์อื่น ๆ แต่ไม่ต้องการจะพูดความจริงเพื่อปกป้องฉันกับสามี"
เมื่อเจ้าชายแฮร์รีเข้าร่วมการสัมภาษณ์ในรายการช่วงหลัง ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ได้เปิดเผยว่าทารกในครรภ์ของเมแกนขณะนี้เป็นเพศหญิง
เจ้าชายแฮร์รีตอบคำถามของโอปราห์ในเรื่องที่ว่า ทรงปิดบังแผนการยุติบทบาทในฐานะพระบรมวงศ์ที่ต้องทรงงาน ไม่ให้สมเด็จพระราชินีนาถฯ ทรงทราบในตอนแรกหรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้เจ้าชายแฮร์รีตรัสชี้แจงว่าไม่มีการปิดบังแต่อย่างใด เพราะทรงมีความเคารพในพระอัยยิกาเป็นอย่างมาก โดยได้กราบทูลเรื่องดังกล่าวทางโทรศัพท์ถึงสามครั้ง ก่อนจะมีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
ส่วนเจ้าชายแห่งเวลส์พระบิดาของพระองค์นั้น ทรงปฏิเสธที่จะตรัสกับเจ้าชายแฮร์รีอีก หลังมีการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างกันได้เพียงสองครั้ง เจ้าชายแฮร์รีเผยว่าเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ "ผมตัดสินใจจัดการเรื่องต่าง ๆ ด้วยตนเอง"
"เราอยากจะหายใจนอกกำแพงที่ปิดกั้นเราไปเสียทุกเมื่อบ้าง สิ่งที่ผมห่วงมากที่สุดก็คือเหตุประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ซึ่งผมก็เห็นว่ามันกำลังเดินซ้ำรอยเดิมอยู่ในตอนนั้นแล้ว"
เจ้าชายแฮร์รีตรัสว่า ไม่ได้ทรงเปิดเผยเรื่องที่เมแกนมีความคิดจะฆ่าตัวตายให้พระราชวงศ์พระองค์ใดได้รับรู้ "สำหรับพวกเขาแล้ว มันถือเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเกิดขึ้น พวกเขามีความคิดว่าเราไม่สามารถจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทุกคนในราชวงศ์ก็เคยผ่านมันมาหมดแล้ว"
"แต่สถานการณ์ของผมแตกต่างออกไป เพราะมีเรื่องของเชื้อชาติและสีผิวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทางราชวงศ์มีโอกาสที่จะแสดงการสนับสนุนแนวคิดต้านการเหยียดผิวต่อสาธารณชนได้ แต่พวกเขาก็ไม่ทำ ไม่มีใครออกมาพูดอะไรเลยตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา นี่เป็นเรื่องที่ผมเจ็บปวดมาก"
"ตอนนี้ผมรู้ถึงจุดยืนของครอบครัวผมเป็นอย่างดีแล้ว ราชวงศ์อังกฤษกลัวหนังสือพิมพ์หัวสีโจมตีเป็นที่สุด"
เมแกนยังปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าชายแฮร์รีตัดสินใจยุติบทบาทหน้าที่ในราชวงศ์ "มันเป็นไปไม่ได้เลย ฉันทิ้งทุกสิ่งมาเพื่อเขา และเรามีแผนการจะใช้ชีวิตแบบนี้กันมาตั้งแต่ต้นแล้ว"
ด้านเจ้าชายแฮร์รีตรัสว่า คงจะทรงไม่ได้ทำเช่นนี้หากไม่ได้มาพบรักและใช้ชีวิตครอบครัวกับเมแกน "เมื่อก่อนผมติดอยู่ในกรงขังที่ไม่มีทางออกอยู่แล้ว พ่อกับพี่ชายผมก็เช่นกัน พวกเขาขยับไปไหนไม่ได้ ซึ่งทำให้ผมก็เห็นใจอย่างมาก"
สำหรับเรื่องที่ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ได้ทำสัญญาธุรกิจ เพื่อเผยเรื่องราวชีวิตของทั้งคู่ทาง Netflix และ Spotify นั้น ดยุคแห่งซัสเซกซ์ตรัสว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องที่เราคิดวางแผนกันมาก่อน แต่ผมต้องทำเพราะมีความจำเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย ราชวงศ์ตัดความช่วยเหลือทางการเงินกับผมไปแล้ว และผมต้องการเงินจ่ายค่ารักษาความปลอดภัย เมื่อเราย้ายมาอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย"
อย่างไรก็ตาม เจ้าชายแฮร์รียังทรงมีพระมรดกที่เจ้าหญิงไดอานาผู้เป็นพระมารดาประทานให้อยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนความสัมพันธ์กับบรรดาสมาชิกราชวงศ์อังกฤษในปัจจุบันนั้น เจ้าชายแฮร์รีเผยว่าส่วนใหญ่ยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยทรงพูดคุยกับพระอัยยิกามากขึ้นในปีก่อน ซึ่งนับว่าได้ทรงเชื่อมสัมพันธ์กันมากกว่าตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์กับเจ้าชายแห่งเวลส์ พระบิดา จะยังอยู่ในช่วงที่เย็นชาห่างเหิน "ผมยังรักท่านเสมอ แต่ก็รู้สึกผิดหวังจริง ๆ เพราะท่านก็เคยผ่านประสบการณ์แบบเดียวกันมาและน่าจะรู้ว่ามันเจ็บปวดอย่างไร อาร์ชี่เองก็เป็นหลานชายของท่านแท้ ๆ"
"ผมยังรักพี่ชายของผมสุดหัวใจ เราเคยผ่านนรกที่เลวร้ายมาด้วยกัน แต่ตอนนี้เราอยู่บนเส้นทางที่แตกต่างกันแล้ว"