ล้มทั้งยืน ว่าที่เจ้าสาว เพิ่งรู้ตัว ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย

เคท วิกนอลล์ วัย 24 ปี ว่าที่เจ้าสาว เมื่อแฟนที่คบกันมากว่า 9 ปี ไรอัน ดิซอน แฟนหนุ่มได้คุกเข่าขอเธอแต่งงานในวันที่ 30 พฤษภาคมผ่านมา ซึ่งตรงกับวันครบรอบของทั้งคู่ แต่เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อรุ่งเช้าวันถัดมาเคทมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง ซึ่งแพทย์ได้บอกว่าเกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับ

แต่หลังจากนั้นอาการของเธอก็แย่ลงเรื่อยๆ จนสัปดาห์ที่หกเธอถูกนำตัวไปโรงพยาบาลรอยัลคอร์นวอลล์ เพราะเธอได้อาเจียนเป็นเลือด เธอต้องรักษาตัว และผ่านการทดสอบทางการแพทย์ต่างๆ เพียงตัวคนเดียว เนื่องจากข้อจำกัดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนในที่สุดแพทย์ก็ได้บอกข่าวร้ายกับเธอว่า 'เธอเป็นมะเร็ง'

โดยปกติเคทเธอเป็นคนที่ใส่ใจในสุขภาพมาก เธอเข้ายิมหลายครั้งต่อสัปดาห์ กินอาหารที่มีประโยชน์ และไม่สูบบุหรี่ เธอเชื่อมาเสมอว่าเธอเป็นคนที่มีสุขภาพที่แข็งแรงดี สัญญาณเดียวที่บอกว่าเธอมีอาการผิดปกติคือเธอมีก้อนเนื้อเล็กๆ ขึ้นที่คอ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งแพทย์บอกว่าเป็นก้อนซีสต์ธรรมดา ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกายตามปกติ ทำให้หญิงสาวโล่งใจ

เธอกล่าวว่าในตอนแรกเธอไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้ เพราะเธอออกกำลังบ่อยและบางครั้งก็เล่นหนัก จนเจ็บกล้ามเนื้ออยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าครั้งนี้จะเจ็บมาก แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายแต่อย่างใด "ฉันไปหาหมอบ่อยมาก แต่พวกเขาบอกว่าเส้นประสาทถูกกดทับ ฉันปวดมาก มันแย่ลง ฉันเบื่ออาหารและนอนแทบไม่ได้" แพทย์กังวลว่าเธออาจเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ร่วมด้วย ทำให้เธอต้องไปพบกับแพทย์เฉพาะทาง แต่ก่อนจะถึงวันนัด เคทเริ่มอาเจียนเป็นเลือด จนต้องส่งโรงพยาบาล ด้วยอุณหภูมิร่างกายสูงถึง 39 องศา ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อ

เมื่อได้รับยาปฏิชีวนะในขณะที่แพทย์ทำการทดสอบรวมถึง CT scan พวกเขาก็พบว่าเธอเป็นมะเร็ง "ในตอนแรกหมอยังไม่รู้ว่าฉันเป็นมะเร็งชนิดไหน การบอกครอบครัวถึงเรื่องนี้มันเป็นอะไรที่สะเทือนใจมาก" เคทกล่าว แพทย์ได้ทำการตรวจอีกหลายอย่าง ทั้ง MRI รวมทั้งตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ทั้งและผลปรากฏออกมาว่าเคทป่วยเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิด Malignant Melanoma เป็นมะเร็งผิวหนังที่พบได้ยาก แต่มีความรุนแรงมาก ซึ่งอาการของเธออยู่ในระยะที่ 4 หรือ ระยะสุดท้าย โดยตอนนี้มะเร็งได้ลามไปที่สมอง กระดูกสันหลัง ม้าม ไต และปอด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แพทย์ได้ให้เคทรับการรักษาด้วยยาและให้คีโมในทันที เธออยู่โรงพยาบาล 5 วัน ก่อนที่แพทย์จะให้กลับบ้าน โดยก็เธอไปรักษาและปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาโดยตลอด ต่อมาในวันที่ 24 กรกฎาคม แพทย์แจ้งว่าเนื้อร้ายลดลงไป 50 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าจะเป็นข่าวดี แต่อย่างไรก็ตาม โรคที่เธอเป็นไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้