สุดสงสาร ช่วยเด็กอายุ13 ถูกอุ้มบังคับเเต่งงาน เจ้าบ่าวอายุ44
ด.ญ.อาร์ซู ราชา ถูกอุ้มจากบ้านที่เมืองการาจี เมื่อวันที่ 13 ต.ค. สองวันหลังจากชายที่เป็นเจ้าบ่าวทำเอกสารทะเบียนสมรส โกหกอายุของเด็ก ว่า 18 ปี และเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามตามเจ้าบ่าวแล้ว
คดีนี้ก่อให้เกิดการประท้วงในนครการาจี และเมืองละฮอร์ แต่ศาลชั้นต้นตัดสินให้การแต่งงานถูกต้อง ตามกฎหมาย หลังที่นายอาลี อัซฮาร์ ให้การอ้างว่าเจ้าสาวของตนเปลี่ยนศาสนาด้วยความยินยอมพร้อมใจ
ต่อมา เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ศาลอุทธรณ์จังหวัดสินธ์มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจค้นหาเด็กหญิงให้พบภายใน 5 วันแล้วย้ายไปอยู่สถานที่พักพิงชั่วคราว ปรากฏว่าไม่กี่ชั่วโมงจากนั้น เจ้าหน้าที่บุกช่วยเด็กหญิงได้จากบ้านของเจ้าบ่าว พร้อมจับกุมเจ้าบ่าว
สำหรับเด็กหญิงจะอยู่ในความคุ้มครองของเจ้าหน้าที่จนกว่า ศาลอุทธรณ์จะเปิดไต่สวนวันที่ 5 พ.ย.นี้
ผู้อำนวยการองค์กรการกุศลกล่าวด้วยว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจด้วยว่า ทั้งตำรวจและศาล ไม่อาจจะปกป้องกฎหมายของตนเอง รวมไปถึงการทำตามมาตรฐานสากล เพราะเพิกเฉยต่อคดีบังคับแต่งงานแบบนี้ ขณะที่พ่อแม่เด็กต้องออกจากงาน ทั้งถูกข่มขู่จากฝ่ายเจ้าบ่าว หลังไปแจ้งความว่าลูกสาวถูกลักพาตัว
ทั้งนี้ เมื่อปี 2560 รัฐบาลปากีสถานผลักดันการแก้ไขกฎหมายเพิ่มโทษบุคคลที่แต่งงานกับผู้เยาว์ ด้วยโทษจำคุก 10 ปีขึ้นไป หวังจะแก้ไขปัญหาเด็กถูกบังคับแต่งงาน