หัวหน้ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ปฏิเสธเป็นเจ้าของแอมโอมเนียมไนเตรตที่เบรุต!

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ว่านายฮัสซัน นาสราลเลาะห์ ผู้นำสูงสุดของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กล่าวในรายการโทรทัศน์ประจำสัปดาห์ซึ่งออกอากาศในเลบานอน เมื่อวันศุกร์ ว่าเหตุระเบิดมหาวิปโยคที่เรือเบรุต เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 150 คน และได้รับบาดเจ็บมากกว่า 5,000 คนนั้น เป็นเหตุการณ์ที่ "สามารถเกิดขึ้นได้" ตอนนี้ความสามัคคีและการที่ชาวเลบานอนต้องอยู่ในความสงบเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
 

นาสราลเลาะห์ให้คำมั่นว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ "จะแสดงท่าทีชัดเจนกว่านี้" เมื่อสถานการณ์สงบนิ่ง และขอบคุณความช่วยเหลือจากประชาคมโลกซึ่งหลั่งไหลเข้าสู่เลบานอนอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน หัวหน้ากลุ่มฮิซบลเลาะห์เรียกร้องให้มีการสืบสวนสอบสวน "ด้วยความโปร่งใส" และเขาขอใช้โอกาสนี้ "ยืนยันอย่างเด็ดขาด" ว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ไม่ได้เป็นเจ้าของสิ่งใดที่อยู่ภายในโกดังของท่าเรือเบรุต และไม่มีสิ่งใดในท่าเรือเบรุตมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ จรวด ระเบิด หรือแม้แต่แอมโมเนียมไนเตรต

ขณะเดียวกัน นาสราลเลาะห์กล่าวถึงอิสราเอลด้วยว่า "เป็นศัตรู" และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ "รู้จัก" ท่าเรือไฮฟา "มากกว่าและดีกว่า" ท่าเรือเบรุตเสียอีก อนึ่ง ท่าเรือไฮฟาเป็น 1 ใน 3 ท่าเรือขนาดใหญ่ของอิสราเอล ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทางตอนเหนือ ด้านรัฐบาลเทลอาวีฟยังไม่มีปฏิกิริยาอย่างเป็นทางการต่อถ้อยแถลงของนาสราลเลาะห์

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนของเลบานอนยังไม่ได้ตั้งสมมติฐานอย่างเป็นทางการ ว่าการระเบิดครั้งนี้ "เป็นอุบัติเหตุ" หรือ "การโจมตี" แต่ทุกฝ่ายให้น้ำหนักไปที่แอมโมเนียมไนเตรต 2,750 ตันที่อยู่ภายในโกดังหมายเลข 12 ของท่าเรือมานานกว่า 6 ปี และ "การไร้ประสิทธิภาพอย่างสิ้นเชิง" ของหน่วยงานทุกแห่งตั้งแต่ระดับล่างสุดไปจนถึงบนสุด สร้างความโกรธแค้นอย่างหนักให้กับชาวเลบานอน ซึ่งออกมารวมตัวประท้วงรัฐบาลอีกครั้ง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา