วันนี้ ( 31 ก.ค. 63 )ประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ กลายเป็นเป้าวิจารณ์อีกครั้ง หลังจากที่มีการแถลงเรื่องการระบาดของโควิด-19 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยได้ย้ำถึงเรื่องการใช้ "น้ำมัน" เป็นยาฆ่าเชื้อแทนแอลกอฮอล์
โดยเขาบอกให้คนจน ที่ไม่สามารถหาซื้อแอลกอฮอล์ได้ จงเดินเข้าปั๊มน้ำมัน แล้วหยดน้ำมันใส่มือตัวเองเพื่อฆ่าเชื้อแทนแอลกอฮอล์ และนอกจากนี้เขายังบอกว่า ให้ประชาชนใช้น้ำมันฆ่าเชื้อโรคบนหน้ากากอนามัยด้วย ยืนยันว่าเขาไม่ได้พูดเล่น แต่เขาพูดจริง
ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีบางช่วงที่ผู้นำฟิลิปปินส์ บอกว่า หากคุณคิดว่าผมบ้า ผมโง่ คุณควรมาเป็นประธานาธิบดี ไม่ใช่ผม! ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงคำแนะนำนี้
ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขได้แถลงทันทีหลังจากที่นายดูแตร์เตแถลง โดยระบุว่า หน้ากากอนามัยแบบผ้านั้น ควรซักล้างแบบปกติทั่วๆ ไป ส่วนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ควรต้องทิ้งทันทีหลังใช้เสร็จ เพราะไม่มีหลักฐานใดๆ ชี้ว่า "น้ำมัน" สามารถฆ่าเชื้อบนหน้ากากอนามัย หรือบนร่างกายเราได้ อีกทั้งจะยิ่งสร้างปัญหามากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากน้ำมันติดไฟง่าย จึงอาจเป็นอันตรายมากขึ้น
ขณะที่สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในฟิลิปปินส์ พบผู้ติดเชื้อรายวันถึง 3,954 คน สูงที่สุดนับตั้งแต่ระบาดมา ทำให้พบผู้ติดเชื้อเกือบ 90,000 คนแล้ว และเสียชีวิตรวมเกือบ 2,000 คน โดยล่าสุดนายดูแตร์เต ได้ประกาศขยายมาตรการคุมเข้มการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในกรุงมะนิลา เมืองหลวงของประเทศ ออกไปจนถึงกลางเดือนสิงหาคม จำกัดการเคลื่อนไหวของคนสูงอายุและเด็ก หลังจากที่ในเดือนนี้ ฟิลิปปินส์กลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดและติดเชื้อสูงสุดในวันเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในหลายเมือง บุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาลไม่สามารถรับมือได้แล้ว
เครดิตแหล่งข้อมูล : tnnthailand