ทรัมป์สั่งระงับวีซ่า-กรีนการ์ด อาจกระทบแรงงานต่างชาติหลายแสนคน
โฆษกประจำทำเนียบขาวกล่าวว่านโยบายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างงานให้กับชาวอเมริกันที่ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโรคโควิด-19
แต่นักวิจารณ์กลับมองว่ารัฐบาลของนายทรัมป์กำลังใช้วิกฤตโรคระบาดมาเป็นข้ออ้างในการปรับแก้กฎหมายการเข้าเมืองเพื่อบีบแรงงานต่างชาติในสหรัฐฯ โดยกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ แรงงานที่มีทักษะขั้นสูง แรงงานตามฤดูกาลนอกภาคเกษตร พี่เลี้ยงเด็กในโครงการออแพร์ (au pair) ไปจนถึงผู้บริหารระดับสูง
ใครได้รับผลกระทบทำเนียบขาวคาดว่าการระงับการให้วีซ่าและกรีนการ์ดไปจนถึงสิ้นปีนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้คนราว 525,000 คน ซึ่งรวมถึงผู้ที่ยื่นขอได้สิทธิการพำนักอาศัยถาวรแก่ชาวต่างชาติหรือกรีนการ์ดรายใหม่กว่า 170,000 รายที่อาจจะยังไม่ได้รับการอนุมัติต่อไปอีก
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศระงับการให้กรีนการ์ดและวีซ่าเมื่อเดือน เม.ย. ซึ่งเดิมนโยบายดังกล่าวจะสิ้นสุดสิ้นเดือน มิ.ย. แต่จากการประกาศขยายเวลาระงับการออกวีซ่าครั้งล่าสุด หมายความว่าโอกาสที่จะได้รับวีซ่าหรือกรีนการด์ต้องปิดไปอีกนาน
หนึ่งในวีซ่าที่จะถูกระงับการออกคือวีซ่าประเภท H-1B ซึ่งส่วนใหญ่อนุมัติให้กับพนักงาน ชาวอินเดียในบริษัทด้านเทคโนโลยี ที่ถูกมองว่าเป็นการเปิดช่องให้บริษัทด้านเทคโนโลยีในซิลิคอนวัลเลย์จ้างงานแรงงานชาวต่างชาติด้วยค่าจ้างราคาถูก แทนการจ้างชาวอเมริกัน
เมื่อปีที่แล้วมีผู้สมัครวีซ่าประเภทนี้ประมาณ 225,000 คน แต่ทางการมีโควต้าการออกวีซ่า H1-B ให้แค่ 85,000 คน
วีซ่าอีกประเภทที่จะถูกระงับยาวคือวีซ่าประเภท H-2B ซึ่งส่วนใหญ่คนที่ได้รับวีซ่าประเภทนี้เป็นแรงงานประเภทตามฤดูกาลนอกภาคเกษตร อุตสาหกรรมบริการ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
ต้องทำอย่างไรจึงจะถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สำเร็จสถานทูตอเมริกาเตือน "ไม่เปิดเผยโซเชียลมีเดีย อาจมีผลต่อการขอวีซ่า"
นอกจากนี้ คำสั่งดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อวีซ่าแลกเปลี่ยนระยะสั้นหรือ J-1 ซึ่งออกให้แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยและพี่เลี้ยงเด็กโครงการออแพร์ แต่ไม่รวมอาจารย์และนักวิชาการ
โครงการออแพร์ของสหรัฐฯ คือ โครงการพี่เลี้ยงเด็กภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ เปิดโอกาสให้เยาวชนจากนานาประเทศมาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านการทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก โดยผู้ที่ทำงานนี้จะได้วีซ่าประเภท J-1
นอกจากนี้วีซ่าประเภท L สำหรับแรงงานระดับผู้จัดการและตำแหน่งสำคัญอื่น ๆ ในบริษัท ข้ามชาติก็จะถูกระงับเช่นกันผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานที่สนับสนุนคำสั่งนี้ของทรัมป์บอกว่า เป้าหมายสำคัญของคำสั่งนี้ก็คือเพื่อให้สหรัฐอเมริกาได้แรงงาน "ที่ดีที่สุดและฉลาดที่สุด" และ "คุ้มค่าที่สุดต่อเศรษฐกิจของเรา"
มาร์ค คลีโคเลี่ยน ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาตรวจคนเข้าเมือง ผู้สนับสนุนการระงับการวีซ่าครั้งนี้ กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า "นี่ถือเป็นการดำเนินการอันหาญกล้าของคณะรัฐบาลทรัมป์เพื่อปกป้องงานของชาวอเมริกัน"
แต่สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกันกล่าวว่า คำสั่งนี้เป็นการ "ใช้การระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพื่อแก้กฎหมายคนเข้าเมืองโดยไม่สนใจสภาล่างที่มีหน้าที่ผ่านกฎหมาย"
ภาคธุรกิจที่ต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติหลายแห่งก็ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้
"ในขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ผู้ประกอบการชาวอเมริกันต้องการความมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถตอบสนองความต้องการด้านแรงงานได้อย่างครอบคลุม" หอการค้าระบุ
"ภาคธุรกิจจำเป็นต้องเข้าถึงคนที่มีความสามารถทั้งในประเทศและจากทั่วโลก"