ผู้นำนิวซีแลนด์เสนอ ทำงานอาทิตย์ละ 4 วัน กระตุ้นท่องเที่ยว!
ข้อแนะนำของนายกรัฐมนตรีหญิงแห่งนิวซีแลนด์ครั้งนี้ สร้างความตื่นเต้นให้กับชาวนิวซีแลนด์เป็นอย่างมาก โดยพวกเขาบอกว่า หากทำงานเพียง 4 วันต่อสัปดาห์พวกเขาจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวในประเทศได้ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยที่ไม่กระทบต่อหน้าที่การงาน (work-life balance)
การท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ได้รับผลกระทบอย่างหนักหลังจากที่เกิดการระบาด โดยปัจจุบันพรมแดนของประเทศยังคงปิดรับชาวต่างชาติ อีกทั้งยังพบว่ามีชาวนิวซีแลนด์เองเดินทางในประเทศค่อนข้างน้อยลง เนื่องจากทุกคนต้องรัดเข็มขัด เนื่องจากเผชิญกับวิกฤตการลดเงินเดือน หรือปรับโครงสร้างบริษัท เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย
เช่นธุรกิจ Perpetual Guardian โดยผู้ก่อตั้ง Andrew Barnes ซึ่งมีลูกจ้างกว่า 200 คน และได้ปรับโครงสร้างการทำงานเป็น 4 วันต่อสัปดาห์มาตั้งแต่ปี 2018 ระบุว่า พนักงานของเขามีความสุขมากขึ้น และมีประสิทธิผลมากขึ้น และนั่นก็ทำให้บริษัทได้ประโยชน์ตามมาอย่างมาก ลูกจ้างมีสุขภาพกาย-สุขภาพจิตที่ดี สภาพแวดล้อมในการทำงานดี อีกทั้งยังทำให้ชีวิตครอบครัวและชีวิตการทำงานไปด้วยกันได้ พร้อมระบุว่า นิวซีแลนด์ ควรดำเนินการให้บริษัทต่าง ๆ เหลือการทำงานเพียง 4 วันต่อสัปดาห์ตลอดไปหลังยุคโควิด-19 ซึ่งจะเป็นหนึ่งในกระบวนการฟื้นคืนเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของประเทศได้เป็นอย่างดี
ที่ผ่านมา รัฐบาลนิวซีแลนด์ของนางอาร์เดิร์นได้รับเสียงชื่นชมเรื่องความพยายามดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อรับมือการระบาดของโควิด-19 ด้วยการประกาศล็อคดาวน์อย่างเข้มงวดและปิดพรมแดนเป็นประเทศแรกๆ ในโลกตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นการตัดสินใจที่เฉียบขาดและรวดเร็ว ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสในเขตชุมนุมทำให้รัฐบาลนิวซีแลนด์สามารถประกาศยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์ได้ก่อนประเทศอื่นๆคือตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน ก่อนจะยกเลิกมาตรการล็อดดาวน์เกือบทั้งหมดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความดีใจของประชาชนที่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง ร้านตัดผม ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร และกิจการต่างๆ สามารถเปิดให้บริการได้แล้ว ประชาชนจำนวนมากเริ่มออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านและกลับไปทำงานกันอีกครั้ง
ขณะที่ในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในนิวซีแลนด์ก็ลดลงอย่างมาก จนถึงขณะนี้นิวซีแลนด์มีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมเพียง 1,503 คนและมีผู้เสียชีวิต 21 คน