มีลุ้น!! เผยผลทดสอบยา ต้านโควิด-19 ใน ‘ลิง’ เป็นบวก

วันนี้ ( 20 เม.ย. 63 ) ดร. เอ็มมี่ เดอ วิทหัวหน้าด้านพยาธิวิทยาทางอณูชีวโมเลกุลของสถาบันด้านโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ หรือ NIAID ระบุเมื่อวานนี้ว่า ผลการศึกษาใหม่ของการทดลองยาต้านไวรัส "เรมดิซิเวียร์" (Reddesivir) พบว่าสามารถป้องกันการพัฒนาของไวรัสโคโรนาในลิงวอกได้ โดยลิงดังกล่าวไม่ได้มีความยากลำบากในการหายใจ และไม่เห็นความเสียหายที่เกิดกับปอดของลิงมากนัก ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ายาดังกล่าวมีผลต่อโรคในเชิงบวกอย่างมาก

โดยการทดลองดังกล่าวใช้ลิงวอก 12 ตัว ซึ่งจำนวนครึ่งหนึ่งได้รับยาเรมดิซิเวียร์ ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งได้รับยาหลอก ซึ่งการปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณการใช้ยาแบบเดียวกับที่ใช้ในผู้ป่วยโควิด-19 นั้น นักวิทยาศาสตร์พบว่าจำนวนไวรัสที่พบในปอดของลิงนั้นต่ำกว่าอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งดร.วิทบอกว่าลิงที่ได้รับยาเรมดิซิเวียร์ในการรักษาแต่แรกๆ สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ โดยการทดลองในอนาคตจะมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพของการต้านไวรัสเมื่อนำไปใช้กับผู้ป่วยโควิด-19 ที่รุนแรงมากขึ้น

ด้านวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ตีพิมพ์บทวิเคราะห์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่แสดงให้เห็นว่า 2 ใน 3 ของกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 อย่างรุนแรงมีอาการดีขึ้นหลังได้รับการรักษาด้วยยา "เรมดิซิเวียร์"

ทั้งนี้ ผู้ผลิตยาทั่วโลกกำลังแข่งกันพัฒนาการรักษา หรือ พัฒนาวัคซีนรักษาโรคนี้ โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สถาบันสุขภาพแห่งชาติ หรือ NIH ระบุว่าจะเริ่มทำการทดสอบยาต้านมาลาเรีย "ไฮโดรไซคลอโรควิน" ในการรักษาโรคโควิด-19 ทำให้มีการใช้ยาที่มีอายุเก่าแก่หลายสิบปีนี้เพิ่มมากขึ้นในสหรัฐ ซึ่งดร.วิทบอกว่าเป็นที่เข้าใจได้ว่าประชาชนให้ความหวังอย่างมากกับการรักษาด้วยยา " ไฮโดรคอลโรควิน" แต่นักวิทยาศาสตร์ยังอยากเห็นข้อมูลที่แสดงให้เห็นประสิทธิภาพที่แท้จริงของยา

ดร.วิทยังกล่าวเสริมว่านักวิทยาศาสตร์กำลังพยายามศึกษาการรักษาเฉพาะอย่างจริงจังในการทดลองเฉพาะทางคลินิก เพื่อจะได้มั่นใจว่ายาชนิดต่างๆได้ผลดีหรือไม่ ซึ่งหากไม่ได้ผล ก็จะได้หาทางรักษาอื่นๆต่อไป โดยปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโควิด-19 ที่ได้รับการอนุมัติ

ก่อนหน้านี้ แพทย์จีนที่รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ขั้นร้ายแรงตามโรงพยาบาลปฐมภูมิในเมืองอู่ฮั่นระบุว่า พวกเขาใช้ยา "คาเลทร้า" (Kaletra) ที่ใช้รักษาไวรัสเอชไอวี นับตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา และเชื่อว่าได้ผลดี แม้ผลการศึกษาก่อนหน้านี้ระบุว่าไม่ได้ผลก็ตาม