ครอบครัวอลเวง!! โธมัส คุณพ่อเมแกน เเฉลูกสาว ไม่เคยพาหลานมาเจอ รูปก็ไม่ส่งให้ดู
เรียกได้ว่าเจอมรสุมรอบด้านจริงๆ ภายหลังจากที่เจ้าชายแฮร์รี่ประกาศขอลดบทบาทในราชวงศ์ ไม่เพียงแค่เจ้าชายแฮร์รี่ที่โดนหลายฝ่ายกระหน่ำ โดยเฉพาะสื่ออังกฤษที่ลงข่าวพระองค์ทุกวี่วัน แต่ที่ดูจะโดนหนักมากที่สุดเห็นจะเป็น เมแกน
"ช่างน่าผิดหวังจริงๆ เธอได้ในสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนหวัง เด็กสาวทุกคนอยากจะเป็นเจ้าหญิง แต่เธอกลับทิ้งมันไป และดูเหมือนเธอจะทิ้งมันไปเพื่อเงินด้วย"
นายโธมัสได้กล่าวต่อว่า "ราชวงศ์อังกฤษ หนึ่งในสถาบันที่มีอายุยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา ครั้งที่ทั้งสองแต่งงานกัน ทั้งคู่ก็ได้ผูกพันธะว่า จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งและเป็นตัวแทนของราชวงศ์ แต่ตอนนี้พวกเขากำลังทำลายมัน ลดคุณค่าราชวงศ์ ทำให้ดูเสื่อมโทรม ทำให้ดูเหมือนห้างวอลมาร์ทด้วยมงกุฎในตอนนี้ มันเป็นเรื่องที่ขบขัน พวกเขาไม่ควรทำเช่นนี้"
ทั้งนี้นายโธมัสยังเผยด้วยว่า เขาไม่ได้คาดหวังว่าเมแกนจะติดต่อมา "ผมคงไม่เห็นเธอยื่นมือมาหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ หรือแม้แต่แฮร์รี่เอง ผมคิดว่าเขาทั้งสองกำลังกลายเป็นวิญญาณที่หลงทางในตอนนี้"
"ผมไม่รู้ว่าพวกเขากำลังมองหาอะไร และไม่คิดว่าพวกเขาจะเจอในสิ่งที่กำลังมองหาอยู่"
ภายหลังจากพิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกนผ่านไป นายโธมัสก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่ออีกว่าเขาถูกลูกสาวตัดความสัมพันธ์ ซึ่งนายโธมัสได้ออกมาตัดพ้อกับ รายการ Good Morning Britain ว่า
"ผมพยายามติดต่อเธอมานานหลายสัปดาห์ ผมส่งข้อความหาลูกทุกวัน แต่ผมไม่เคยได้รับข้อความตอบกลับเลย" "ผมขอให้ลูกช่วยตอบกลับมาหน่อย แต่ผมก็ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ ผมส่งจดหมายไปเธอหาด้วย"
และเป็นอีกครั้งที่นายโธมัสหาซีนผ่านสื่อ ซึ่งครั้งนี้เขาให้สัมภาษณ์กับ Daily Mail แทบลอยด์ชื่อดังของอังกฤษว่า "ตั้งแต่เมแกนแต่งงานกับเจ้าชายแฮร์รี่ในปี 2561 ตนก็ไม่ได้รับการติดต่อจากลูกสาวอีกเลย ตนพยายามปรองดองแต่ไร้ผล เคยส่งการ์ดอวยพรถึงลูกสาวผ่านที่ปรึกษาทางการเงินของเธอ แต่ก็หายเงียบ ไม่รู้ว่าเธอได้รับหรือไม่"
ที่ผ่านมาผมนิ่งเงียบ เพราะรู้ว่าเธอตั้งครรภ์ แต่หลังจากที่เธอคลอดอาร์ชี่ เมแกนและทีมประชาสัมพันธ์ของเธอก็พยายามกีดกันผมออกจากชีวิต ทำให้ผมดูเป็นภูติผี ปีศาจ
ทั้งนี้นายโธมัส ยังเผยด้วยว่า เมแกนโกหก ว่าเธอเป็นคนส่งเสียตัวเองในการเรียนมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ทั้งที่จริงแล้ว เงินค่าเล่าเรียนมหาวิทยาลัยของเมแกน ตนเป็นผู้จ่ายให้ทั้งหมด และตนมี Bank statement หรือรายงานการเคลื่อนไหวทางบัญชีธนาคารเป็นข้อพิสูจน์