เปิด 5 มหาภัยพิบัติ “ญี่ปุ่น” ชอกช้ำจนแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ดีประเทศญี่ปุ่นได้นำบทเรียนจากการถูกธรรมชาติซ้ำเติมซ้ำแล้วซ้ำเล่า มาปรับเป็นแผนการรับมือจนขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่สามารถรับมือกับภัยพิบัติธรรมชาติได้ดีที่สุดในโลก เรามาดูกันว่าญี่ปุ่นเผชิญกับความชอกซ้ำรุนแรงอะไรมาบ้าง โดยทาง TNN ช่อง 16 ได้คัดเลือกมา 5 อันดับมีดังนี้
แผ่นดินไหวครั้งใหญ่คันโต พ.ศ. 2466 (ค.ศ. 1923) เป็นเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในรัชสมัยไทโชของญี่ปุ่น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2466 ซึ่งตรงกับคริสต์ศักราช 1923 เวลา 11:58:44 น. ตามเวลาในท้องถิ่น บริเวณภาคคันโต บนเกาะฮนชู มีจุดศูนย์กลางอยู่ใต้ทะเล บริเวณเกาะอิซูโอชิมะ ในอ่าวซางามิ
แผ่นดินไหวทำความเสียหายให้กับกรุงโตเกียว เมืองท่าโยโกฮามะ จังหวัดชิบะ จังหวัดคานางาวะ และจังหวัดชิซูโอกะ
ประมาณการว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณ 100,000 คน มีผู้สูญหายและคาดว่าเสียชีวิตประมาณ 40,000 คน ทั้งนี้เนื่องจากเหตุเกิดขึ้นในช่วงใกล้เที่ยงวัน ขณะประชาชนกำลังใช้เตาไฟหุงอาหาร ทำให้เกิดเพลิงไหม้ และกระแสลมแรงเนื่องจากพายุไต้ฝุ่นทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ทำให้เกิดเพลิงลุกลาม ประกอบกับระบบท่อส่งน้ำเกิดชำรุดอันเป็นผลมาจากแผ่นดินไหว การดับเพลิงต้องใช้เวลาถึง 3 วันจนถึงวันที่ 3 กันยายน นอกจากนี้ยังเกิดดินถล่มในหลายพื้นที่.
2.แผ่นดินไหวเก็นโระกุ พ.ศ. 2246
เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2246 ที่เอะโดะ (ปัจจุบันคือ กรุงโตเกียว) มีจุดศูนย์กลางอยู่บริเวณอ่าวซะงะมิ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรโบโซ ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 2,300 คน ทำความเสียหายให้กับเมืองเอะโดะ โอะดะวะระ คะวะซะกิ ซึ่งอยู่บนที่ราบคันโต บางส่วนของพระราชวังโชกุน โทะกุงะวะ สึนะโยะชิ พังทลายลงและทำให้เกิดเพลิงไหม้ทั้งเมืองในวันต่อมา
แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้เกิดสึนามิพัดเข้าสู่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะฮอนชู สร้างความเสียหายให้กับบริเวณคาบสมุทรโบโซ, อ่าวซะงะมิ และหมู่เกาะอิสุ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100,000 คน เป็นสึนามิที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดครั้งหนึ่ง
3. แผ่นดินไหวปีโฮเอ ค.ศ. 1707 (พ.ศ.2250)
แผ่นดินไหวปีโฮเอ ค.ศ. 1707 เกิดขึ้นเมื่อ 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1707 นับเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
แผ่นดินไหวครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดความเสียหายปานกลางถึงรุนแรงทั่วเกาะฮนชูตะวันตกเฉียงใต้ เกาะชิโกกุ และ เกาะคิวชูตะวันออกเฉียงใต้ แผ่นดินไหวครั้งนั้นและคลื่นสึนามิทำลายอันเป็นผลเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 5,000 คน
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกส่วนของเมกะทรัสต์นันไค (Nankai megathrust) แยกออกพร้อมกัน นับเป็นแผ่นดินไหวครั้งเดียวที่ทราบกันว่าทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น โดยมีขนาดประเมินไว้ที่ 8.6 แมกนิจูด นอกจากนี้ ยังอาจเป็นสาเหตุของการปะทุครั้งสุดท้ายของภูเขาไฟฟูจิในอีก 49 วันให้หลัง
แผ่นดินไหวเกิดใต้ทะเล ขนาด 9.0 แมกนิจูด นอกชายฝั่งญี่ปุ่น เกิดขึ้นเมื่อเวลา 14.46 น. เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554 จุดเหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวมีรายงานว่า อยู่นอกชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรโอชิกะ ภาคโทโฮกุ โดยมีจุดเกิดแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน 32 กิโลเมตร
นับเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในห้าแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดของโลกเท่าที่มีการบันทึกสมัยใหม่มาตั้งแต่ พ.ศ. 2443 และก่อให้เกิดคลื่นสึนามิทำลายล้างซึ่งสูงที่สุดถึง 40.5 เมตร ในมิยาโกะ จังหวัดอิวาเตะ ภาคโทโฮกุ
บางพื้นที่พบว่าคลื่นได้พัดพาลึกเข้าไปในแผ่นดินลึกถึง 14 กิโลเมตร และมีคลื่นที่เล็กกว่าพัดไปยังอีกหลายประเทศหลายชั่วโมงหลังจากนั้น ได้มีการประกาศเตือนภัยสึนามิและคำสั่งอพยพตามชายฝั่งด้านแปซิฟิกของญี่ปุ่นและอีกอย่างน้อย 20 ประเทศ รวมทั้งชายฝั่งแปซิฟิกทั้งหมดของประเทศอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้
ซึ่งนอกเหนือไปจากการสูญเสียชีวิตและการทำลายล้างโครงสร้างพื้นฐานของญี่ปุ่นแล้ว คลื่นสึนามิดังกล่าวยังก่อให้เกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ขึ้น ซึ่งหลัก ๆ เป็นอุบัติเหตุแกนปฏิกรณ์ปรมาณูหลอมละลายระดับ 7 ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะแห่งที่หนึ่ง และการกำหนดพื้นที่อพยพได้มีผลกระทบถึงราษฎรนับหลายแสนคน แผ่นดินไหวดังกล่าวรุนแรงเสียจนทำให้เกาะฮนชูเลื่อนไปทางตะวันออก 2.4 เมตร พร้อมกับเคลื่อนแกนหมุนของโลกไปเกือบ 10 เซนติเมตร
สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 15,729 ราย บาดเจ็บ 5,719 ราย และสูญหาย 4,539 ราย ในพื้นที่สิบแปดจังหวัด เช่นเดียวกับอาคารที่ถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายกว่า 125,000 หลัง
5. สึนามิยักษ์แห่งยาเอยามะ
เวลา 8 โมงเช้าของวันที่ 24 เมษายน ปี 1771 (พ.ศ.2314 )เกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่เกาะยาเอยามะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเกาะริวกิว แรงสั่นสะเทือนทำให้เกิดคลื่นลูกยักษ์สูงกว่า 85 เมตร เข้าถล่มเขตมิยาโคจิมะและอิชิกาคิ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 13,486 ราย และบ้านกว่า 3,000 หลังถูกทำลาย และหลังจากเหตุการณ์สงบก็เกิดการขาดแคลนอาหาร ประชาชนทุกข์ยากลำบากเป็นอย่างมาก