สหรัฐซัดฝีมืออิหร่าน ถล่มโรงน้ำมันใหญ่สุดในโลก ปริมาณผลิตหายไปครึ่ง
เจ้าชายอับดุลลาซิซ บิน ซัลมาน รมว.พลังงานซาอุฯกล่าวว่า โดรนถล่มโรงกลั่นน้ำมันอับคาอิก และครูราอิส ทางตะวันออกของประเทศ ทำให้เกิดระเบิดหลายครั้ง จากนั้นไฟไหม้ควันพวยพุ่งตลบท้องฟ้า ทางการซาอุฯเสริมกำลังความปลอดภัยอย่างรวดเร็ว ไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้าใกล้โรงงานที่เกิดเหตุ
ผลการประเมินความเสียหายเบื้องต้นของบริษัท "อารัมโก" กิจการของรัฐ ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ต้องหยุดการผลิตน้ำมันชั่วคราว 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน คิดเป็นราวครึ่งหนึ่งของปริมาณน้ำมันที่ผลิต 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน คาดว่าส่งผลต่อราคาน้ำมันโลกตามมา
ด้านรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ประณามการก่อเหตุด้วยความโกรธเกรี้ยว ว่าเป็นฝีมือของอิหร่าน ไม่ใช่จากกบฏฮูตีโดยตรง แม้ว่าก่อนหน้านี้ฮูตีประกาศว่าเป็นผู้ลงมือเองโดยใช้โดรน 10 ลำบุกเข้าถล่มโรงงานน้ำมัน
นายไมก์ พอมเพโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า ไม่มีหลักฐานว่าโดรนถูกปล่อยจากเยเมน แต่เป็นอิหร่าน คู่ปรับของซาอุฯ ในภูมิภาคอาหรับ และศัตรูในสงครามเยเมน ที่อิหร่านคอยช่วยเหลือกบฏฮูตี ในฐานะที่เป็นนิกายชีอะห์ด้วยกัน
นายพอมเพโอทวีตว่า อิหร่านลงมือโจมตีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนต่อแหล่งน้ำมันของโลก สหรัฐจะทำงานร่วมกับหุ้นส่วนและพันธมิตรเพื่อรับประกันว่าตลาดน้ำมันยังคงอยู่ดี และอิหร่านต้องรับผิดชอบต่อความก้าวร้าวของตนเอง ทำเนียบขาวประณามการบุกทำร้ายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลก
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐโทรศัพท์สายตรงถึงมงกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุฯ ต่อเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งก่อนหน้าเจ้าชายโมฮัมเหม็ดออกแถลงการณ์ระบุว่า ซาอุฯยินดีและสามารถที่จะตอบสนองต่อความก้าวร้าวที่เป็นการก่อการร้ายนี้ ทั้งนี้ โรงงานอับคาอิก เคยถูกอัลไคด้าอ้างโจมตีในเดือนก.พ. 2549 ด้วยระเบิดพลีชีพและรถที่ติดระเบิดพยายามเข้าไปในโรงงานแต่ไม่สำเร็จ