สื่อญี่ปุ่นเผยเมืองหลวงอินโดนีเซีย-ไทยเสี่ยงจมบาดาล

วันที่ 14 กันยายน 2562 เว็บไซต์ นสพ. Nikkei Asian Review ของญี่ปุ่น เสนอข่าว "Jakarta and Bangkok keep sinking as infrastructure projects stall" ระบุว่า กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ราว 10 ล้านคน ประสบปัญหาน้ำท่วมมาตั้งแต่ปี 2550 โดยในปีดังกล่าวมีพื้นที่ร้อยละ 70 ที่ถูกน้ำท่วม ทั้งนี้แผ่นดินกรุงจาการ์ตาทรุดลงปีละ 7.5-10 เซนติเมตร ตามข้อมูลของ Deltares สถาบันวิจัยสัญชาติเนเธอร์แลนด์ ปัญหามาจากการพัฒนาระบบระบายน้ำและระบบท่อน้ำเสียที่ล่าช้า รวมถึงการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้มากจนเกินไป เมื่อฝนตกหนักน้ำจึงท่วมได้ง่าย

สภาพของกรุงจาการ์ตานั้นทำให้ โจโก วิโดโด (Joko Widodo) ประกาศว่าจะย้ายเมืองหลวงจากจาการ์ตา บนเกาะชวา ไปอยู่ในเขตกะลิมันตันตะวันออก บนเกาะบอร์เนียว เนื่องจากปัจจุบันทั้งกรุงจาการ์ตาและเกาะชวามีปัญหามากมายทั้งประชากรหนาแน่น การจราจรติดขัด รวมถึงมลพิษทั้งทางอากาศและน้ำ การย้ายเมืองหลวงจะใช้งบประมาณราว 466 ล้านรูเปียห์ หรือ 3.274 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และมีประชากรราว 1 ล้านคนที่จะตามไปตั้งรกราก ณ เมืองหลวงแห่งใหม่

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย ก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลเพียง 1.5 เมตร ข้อมูลจาก องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) ระบุว่า กรุงเทพฯ กำลังจมลงปีละ 2 เซนติเมตร คาดว่าภายในปี 2573 ร้อยละ 40 ของพื้นที่จะจมอยู่ใต้น้ำหากไม่มีมาตรการป้องกัน ทั้งนี้ในปี 2554 มวลน้ำที่ไหลผ่านแม่น้ำเจ้าประยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วม ขณะที่ตอนเหนือของเมืองที่เป็นเขตอุตสาหกรรมจมอยู่ใต้บาดาล มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง 4.721 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

ก่อนหน้านี้ JICA เคยแนะนำให้รัฐบาลไทยสร้างทางระบายน้ำเพื่อลดผลกระทบจากน้ำท่วม แต่การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลอย่างรวดเร็วทำให้โครงการคืบหน้าล่าช้า โดย 2 โครงการแรก คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2568 อนึ่ง กรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ มีโครงการป้องกันอุทกภัย 170 โครงการ เดินคาดว่าร้อยละ 70 จะแล้วเสร็จในปี 2561 แต่วันนี้ยังไม่แล้วเสร็จ ที่แย่คือมีถึงร้อยละ 40 ของโครงการที่ยังไม่เริ่มดำเนินการเสียด้วยซ้ำไป