โดยข้อเสนอดังกล่าวถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง ระหว่างการพบปะกับกลุ่มนักเรียนและครอบครัวของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุกราดยิงที่โรงเรียนแห่งต่าง ๆ ภายในทำเนียบขาว ซึ่งทรัมป์เชื่อว่าข้อเสนอเรื่องการอนุญาตให้ครูและเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ภายในโรงเรียนสามารถพกพาอาวุธปืนได้นั้น จะช่วยให้พวกเขาสามารถตอบสนองต่อเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ก่อนที่ตำรวจจะไปถึงที่เกิดเหตุ ช่วยให้ผู้ใดก็ตามที่มุ่งจะก่อเหตุอาจจะต้องคิดทบทวนซ้ำก่อนลงมือ ข้อเสนอนี้จึงอาจเป็นอีกหนึ่งทางออกของการแก้ปัญหากราดยิงในโรงเรียนได้
ทรัมป์ยังชี้ว่า แนวทางแก้ปัญหาที่คล้ายคลึงนี้ก็ได้ถูกนำมาใช้ในแวดวงการบินด้วยเช่นกัน โดยนักบินของบางสายการบินได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนขณะปฏิบัติหน้าที่ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ก่อวินาศกรรม 11 กันยายน 2554
"การโจมตีต่าง ๆ มักใช้เวลาเฉลี่ยราว 3 นาที แต่กว่าเหตุร้ายจะได้รับการตอบสนองจากเจ้าหน้าที่ หรือกว่าตำรวจจะไปถึงก็ต้องใช้เวลาร่วม 5-8 นาที ซึ่งการโจมตีนั้น ๆ ได้สิ้นสุดลงแล้ว หากเรามีครูที่เชี่ยวชาญด้านการใช้ปืน พวกเขาอาจสามารถจบเหตุความรุนแรงนั้นได้อย่างทันท่วงที" ทรัมป์ เผย
อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทราบดีว่าข้อเสนอนี้ย่อมต้องนำมาซึ่งข้อโต้แย้ง จึงได้ร้องขอให้กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุกราดยิงในโรงเรียน ร่วมกันลงคะแนนเพื่อหยั่งเสียงตอบรับ โดยพบว่ามีทั้งผู้ที่ให้การสนับสนุนและผู้ที่ต่อต้านแนวคิดนี้ ดังนั้นเขาจึงเผยว่าจะนำข้อเสนอดังกล่าวไปศึกษาแนวทางเพิ่มเติมต่อไป รวมถึงไอเดียอื่น ๆ เพื่อรับมือและป้องกันเหตุดังกล่าว
ขณะที่ นิโคล ฮอกลีย์ คุณแม่ผู้สูญเสียลูกชายวัย 6 ขวบไป จากเหตุกราดยิงในโรงเรียนประถมในเมืองนิวตัน เมื่อปี 2555 เผยว่า เธอไม่คิดว่าไอเดียการให้ครูพกอาวุธจะสามารถแก้ปัญหาความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับปืน ซึ่งลุกลามไปทั่วสหรัฐฯ ในตอนนี้ได้ แต่ในทางกลับกันเธอก็อยากจะเห็นครูที่พกอาวุธ โดยมีความรู้ในการใช้งาน เพื่อป้องกันเหตุโจมตีต่าง ๆ ในอนาคตเช่นกัน
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
