ลูกเขยชวนแม่ยายกินเลี้ยงวันเกิด เขาให้เค้กที่กินเหลือกับแม่ยาย เมื่อเปิดดูน้ำตาไหลพราก!!?

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ลูกสาวและลูกเขยรู้จักกันผ่านแม่สื่อของหมู่บ้านแนะนำให้รู้จัก ในตอนแรกที่ให้ลูกสาวแต่งงานเช้าในใจก็รู้สึกเสียใจอยู่นิดๆ แต่เพราะว่าภาระทางบ้านที่หนักมาก สามีตายไป 10 กว่าปีที่แล้ว

ลูกเขยชวนแม่ยายกินเลี้ยงวันเกิด เขาให้เค้กที่กินเหลือกับแม่ยาย เมื่อเปิดดูน้ำตาไหลพราก!!?

ทำให้ฉันต้องขายผักเลี้ยงดูลูกทั้งสองด้วยตนเอง ค่อนข้างลำบากมาก แต่ก็ผ่านมาจนพวกเขาเติบโต และตอนนี้ก็ถึงเวลาของลูกชายคนเล็กที่จะแต่งงานแล้ว

เมื่อฉันให้ลูกสาวคนโตแต่งงานเสร็จก็ต้องรีบทำงานเก็บเงินให้ลูกชายได้แต่งงาน ขอสะใภ้ อาจพูดได้ว่าฉันลำเอียง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะฉันตัวคนเดียวจะให้เอาเงินที่ไหนมามากมาย เป็นค่าแต่งงานให้ลูกทั้งสอง เพราะฉะนั้นต้องขอบคุณลูกสาวที่เข้าใจฉัน ยอมแต่งงานไปอยู่กับสามี



(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

ในวันแต่งงานของลูกสาวฉันก็ไม่ได้ให้ทรัพย์สินมีค่าหรือ เงินติดตัวไปมากมายเท่าไหร่ ฉันเองก็รู้สึกเสียใจที่ทำอย่างนั้นลงไป รู้สึกติดหนี้ลูกสาวยังไงไม่รู้ จึงอยากจะชดเชยลูกสาวหลังเธอแต่งออกไปแล้ว เอาผักที่บ้านไปให้พวกเขากินบ่อยๆ อาทิตย์ละครั้งสองครั้ง

หลังจากที่ลูกสาวแต่งงานไป แม่สามีของเขาก็แบ่งที่ดินแปลงหนึ่งให้กับพวกเขา ฉันรู้ว่าลูกสาวก็ยุ่งกับการทำงาน จนไม่มีเวลาทำกับข้าว ไม่มีเวลาดูแลที่ดิน ฉันก็จะไปช่วยตัดหญ้าให้พวกเขา และบางครั้งลูกเขยจะเลิกงานกลับบ้านมาช่วงบ่ายๆ ตอนนั้นลูกสาวยังไม่กลับบ้าน ฉันก็จะไปช่วยเขาทำกับข้าวให้เขากิน เพราะฉันคิดเสมอว่า ตนเองไม่มีทรัพย์สินมีค่าอะไรแก่ลูกสาวในงานแต่งของเธอเลย จึงอยากที่จะช่วยเหลือพวกเขาบ้าง เพื่อเป็นการทดแทน

ลูกเขยก็เห็นใจฉันเหมือนกัน เขาเป็นคนดีมาก รู้ว่าฉันคงเหนื่อย และเห็นใจฉันมาก ที่มาช่วยทำงานบ้านให้ โดยบอกว่าให้ฉันนั่งพักอย่าทำเลย เดี๋ยวเขาจะทำเอง จนฉันชมลูกเขยต่อหน้าลูกสาวอยู่บ่อยครั้ง บอกว่าลูกสาวเจอคนดี บ้านที่ดี มีชีวิตแต่งงานที่ดี ฉันรู้ว่าพวกเขากว่าจะมีวันนี้ก็ไม่ง่าย ฉันจึงไม่ค่อยอยากจะรบกวนอะไรลูกอีก เพื่อจะเก็บเงินให้ลูกชายแต่งงาน ในช่วงตอนเช้าก็จะไปหาฟืนและเห็ด เพื่อเอาไปขายที่ตลาดหารายได้



(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

จนกระทั่งสามารถเก็บเงินให้เขาได้บ้าง จนสามารถสร้างบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง ในที่สุดก็มีผู้หญิงยอมแต่งงานกับลูกชาย แต่ครอบครัวฝ่ายหญิงเรียกค่าสินสอดหนักมาก ฉันไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น ในตอนนั้นฉันเข้าใจฝ่ายหญิง เพราะฉันก็มีลูกสาวเหมือนกัน แต่ฐานะของฉันในตอนนี้จะให้ไปเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะมากมายขนาดนั้น ทำให้ฉันคิดไม่ตก

แต่ก็ไม่มีทางอื่น ยังไงค่าสินสอดก็ต้องให้อยู่ดี ฉันจึงเอาของมีค่าต่างๆออกไปขายเพื่อแลกเงินมา สุดท้ายยังขาดอีก สองหมื่น ฉันจนปัญญา ขายหมดแล้วแต่ก็ยังไม่พอ แต่ฉันเองก็ไม่กล้าที่จะไปขอลูกสาว เพราะพวกเขาก็เพิ่งแต่งงานได้ไม่กี่ปียังเก็บเงินไม่ได้มากเท่าไหร่



(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

วันหนึ่งฉันก็เอาผักไปส่งให้ลูกสาวตามปกติ แต่บังเอิญวันนั้นเป็นวันเกิดแม่สามีของลูกสาวพอดี พวกเขาซื้อขนมเค้กให้แม่สามีฉลองกัน ทั้งบ้านดูมีความสุข เมื่อฉันยืนหน้าบ้านลูกสาวพวกเขาก็รีบมาต้อนรับ เชิญให้เข้าบ้านฉลองด้วยกัน บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมาย ฉันไม่กล้าปฏิเสธ จึงได้นั่งกินข้าวกลางวันด้วยกันกับพวกเขา เมื่อกินเสร็จ พ่อแม่สามีของลูกสาวก็ถามเรื่องงานแต่งของลูกชาย ฉันกลัวว่าลูกสาวกับลูกเขยจะเป็นกังวลหากรู้เรื่องค่าสินสอดที่ยังหาไม่ครบ ฉันจึงยิ้มๆแล้วพูดว่า "ทุกอย่างจัดเตรียมเรียบร้อยหมดแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง!!"

ก่อนกลับจู่ๆลูกเขยก็เอาเค้กที่กินเหลือมาให้ฉันนำกลับบ้าน เอาไว้กินตอนกลางคืน และเอาให้ลูกชายกินด้วย ในตอนแรกฉันเกรงใจไม่กล้ารับ แต่เห็นท่าทีที่ลูกเขยอยากที่จะให้ ก็เลยไม่อยากขัดน้ำใจของเขา ก็เลยหยิบเดินกลับบ้าน



(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

ในระหว่างเดินทางกลับบ้าน เพื่อนบ้านยังถามว่านั้นอะไร? ฉันจึงตอบไป พวกเขายังหัวเราะเยาะว่า "ลูกเขยทำไมไม่กตัญญูเลย เอาของเหลือมาให้แม่ยายได้อย่างไง ทำไมไม่ซื้อเค้กใหม่ให้กิน?" ฉันรีบช่วยแก้ต่างแทนลูกเขยว่า "ไม่ใช่อย่างนั้นนะ!!"

เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันก็แกะกล่องขนมเค้กออก เพื่อจะเอาเค้กไปแช่ตู้เย็น เมื่อเปิดออกมาดูกลับเห็นซองอะไรอยู่ข้างๆ หยิบขึ้นมาเปิดซอง ข้างในมีเงินสด สองหมื่นพอดี ยังมีโน๊ตเล็กๆเขียนไว้ว่า "แม่ครับ นี่เป็นเงินค่าสินสอดของน้องชาย ผมรู้ว่าแม่ไม่กล้าเอ่ยปากขอ แต่ผมได้ยินคนข้างบ้านแม่พูดกันว่า แม่ยังขาดเงินอยู่นิดหน่อย ผมและภรรยาจึงปรึกษากันว่าจะให้เงินก้อนนี้กับแม่ แต่เพราะแม่ผมยังอยู่จึงไม่อยากพูดต่อหน้าเกรงว่าจะไม่ดี อีกอย่างหากให้ต่อหน้าแม่ก็คงไม่รับหรอกนะ ผมรู้ แม่เอาเงินนี้ไปให้เป็นค่าสินสอดเถอะนะครับ หลายปีมานี้แม่ก็ดูแลผมกับภรรยา ลูกสาวของแม่อย่างดี พวกเราก็รู้สึกขอบพระคุณแม่มาก นี้เป็นเงินนิดๆหน่อยๆ เพื่อตอบแทนพระคุณของแม่นะครับ"



(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

ในตอนนั้นฉันยังอ่านไม่ทันจบ แต่น้ำตาก็หนองหน้าแล้วเต็มไปหมดแล้ว ลูกสาวเจอคนที่ดี ลูกเขยเป็นคนรู้จักเห็นใจคนอื่น มีน้ำใจ ยังอุตส่าห์นึกถึงหัวอกแม่คนนี้ กตัญญูจริงๆเลย โชคดีของลูกสาวแท้ๆ ที่ได้เจอคนดีๆแบบนี้ ฉันเองก็โชคดีที่ได้ลูกเขยดีๆแบบนี้ ต่อไปฉันจะดูแลช่วยงานบ้านของพวกเขา ช่วงชีวิตนี้ ฉันไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องอีกต่อไปแล้ว เพราะลูกสาว ลูกชายก็แต่งงานออกไปมีครอบครัวของตนเอง ถึงเวลาที่ต้องพักผ่อนบ้างแล้ว

หลังจากนั้นฉันก็ไปช่วยลูกสาวทำงานบ้านบ่อยขึ้น ส่วนเวลาอื่นๆก็ไปปลูกผักเก็บผักไปขาย หารายได้พอเพียงสำหรับตนเอง


ที่มา : kchiwit.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
เช็คเบอร์มือถือ คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์