หนุ่มเอาชนะมะเร็งร้าย 2 ครั้ง ภายใน 2 ปี!! ก่อนกลับมาฟิตหุ่นเฟิร์มเหมือนคนไม่เคยป่วยมาก่อน

หนุ่มออสเตรเลียถูกมะเร็งร้ายเล่นงาน 2 ครั้ง ในเวลา 2 ปี สู้รักษาจนชนะผ่านมาได้ ก่อนกลับมาฟิตหุ่นจนเฟิร์ม สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนนับหมื่นผ่านโซเชียล

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 เว็บไซต์ dailymail เผยเรื่องราวประสบการณ์ชวนน่าทึ่งของ เจมส์ เคียร์สลีย์ หนุ่มชาวออสเตรเลียวัย 23 ปี จากรัฐแทสเมเนีย ภายหลังจากก่อนหน้านี้ เขาถูกมะเร็งร้ายเล่นงาน ถึง 2 ครั้ง ในระยะเวลา 2 ปี แต่สุดท้ายเขาสามารถเอาชนะและผ่านพ้นมันมาได้ทั้งหมด จนตอนนี้เขาได้กลายเป็นนักเพาะกายที่เจ๋งสุดยอด พร้อมทั้งได้นำคำแนะนำและแรงบันดาลใจนี้ มาแบ่งปันส่งต่อไปให้ผู้คนมากมายกว่า หมื่นชีวิตผ่านทางโซเชียลมีเดีย

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อปี 2557 เจมส์ พบว่าตัวเองป่วยด้วยโรคลูคีเมีย หรือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ในตอนนั้นเขาต้องเขารับการทำเคมีบำบัดเพื่อรักษาถึง 3 ครั้งด้วยกัน เจมส์ได้เริ่มต้นแชร์เรื่องราวของเขา ตลอดช่วงระยะเวลาในการรักษาตัว กระทั่งภายหลังจากผ่านไปประมาณ 5 เดือน จนร่างกายของเจมส์เริ่มเข้าสู่ระยะโรคทุเลา เขาจึงตัดสินใจที่จะเริ่มต้นออกกำลังกาย เพื่อให้น้ำหนักตัวกลับมาเป็นปกติเช่นเดิม ภายหลังจากหายไปตอนป่วยเกือบ 13 กิโลกรัม

เจมส์เชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้คนจะต้องดูแลตัวเองทั้งทางร่างกาย จิตใจ และการรักษาทางการแพทย์ ไปพร้อม ๆ กัน โดยเจมส์ เล่าว่า แม้ตอนเป็นเด็กเขาจะเคยเล่นกีฬามากมาย แต่หลังจากนั้นเขาไม่ออกกำลังกายเลยจนเรียนจบวิทยาลัย กระทั่งวันที่เขาล้มป่วย เมื่อเริ่มหายดีแล้ว เขาจึงเริ่มออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ จนสามารถเข้าร่วมแข่งขันประกวดเพาะกายครั้งแรก ในเดือนกันยายน 2558 หลังจากผ่านพ้นการรักษามาได้ 16 เดือน

เจมส์เข้าสู่ภาวะปกติได้ไม่นาน หลังจากนั้นเพียง 3 เดือน เจมส์กลับตรวจพบว่าโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวกลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาต้องรักการทำเคมีบำบัดรักษามากกว่าเดิมถึง 2 รอบ อีกทั้งยังต้องปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดจากกระดูกเพื่อทำการรักษา แต่แล้วในที่สุดเขาก็เอาชนะมะเร็งร้ายมาได้เป็นครั้งที่ 2 และถึงตอนนี้เขาก็ผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาได้นานกว่า 1 ปีแล้ว และแน่นอนว่าเขาได้ให้คำแนะนำและแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ตรงของเขา ผ่านไปให้ผู้ติดตามเขาผ่านทางโซเชียลมากกว่า 27,000 ฟอลโลเวอร์

"ผมรู้สึกขอบคุณตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ที่ผมได้มีโอกาสบันทึกเรื่องราวการเดินทางในเส้นทางชีวิตของผม และผมอยากจะขอบคุณทุกคนที่ช่วยผลักดัน สนับสนุน และกระตุ้นให้ผมก้าวต่อไปจนมาถึงวันนี้ และผมรู้ว่ามันจะสามารถช่วยเหลือผู้คนต่อไปได้" เจมส์ กล่าว