ทวิตเตอร์ยังระบุด้วยว่าการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของผู้นำประเทศ เท่ากับเป็นการปกปิดข้อมูลสำคัญสู่สาธารณะ เพราะความคิดเห็นของผู้นำประเทศย่อมมีผลกระทบถึงทุกๆภาคส่วนในสังคม และถึงแม้ทวิตเตอร์จะตัดสินใจลบข้อความที่ละเมิดกฎการใช้งานของผู้นำประเทศ ก็ไม่สามารถปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของผู้นำประเทศได้ เพราะผู้นำประเทศแต่ละคนย่อมสามารถเข้าถึงสื่อแขนงต่างๆที่จะเผยแพร่ความคิดเห็นของตัวเองได้อยู่แล้ว
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทวิตเตอร์ ก็ได้ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าไม่มีมาตรการใดๆที่จะจัดการกับบัญชีใช้งานของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจากที่มีการร้องเรียนให้ทางทวิตเตอร์ปิดปัญชีทวิตเตอร์ของทรัมป์ เพราะว่ามีการทวีตข้อความเชิงเหยียดเชื้อชาติและยั่วยุให้เกิดความแตกแยกในสังคมอยู่บ่อยครั้ง โดยทวิตเตอร์ให้เหตุผลว่าข้อความของทรัมป์มีประโยชน์ต่อสาธารณะในแง่ของข่าวสาร
ทวิตเตอร์ยืนยันว่าาจะบล็อกผู้ใช้งานคนใดหรือลบข้อความใดทิ้ง ล้วนปราศจากอคติ และไม่มีบุคคลหรือองค์กรใดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของทวิตเตอร์ ซึ่งทวิตเตอร์จะทำหน้าที่โดยมองผลประโยชน์สูงสุดที่มีต่อสังคมเป็นที่ตั้ง