ถ้านับจากจำนวนครั้งในการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือแล้ว ดูเหมือนว่าปีนี้จะเป็นปีที่เกาหลีเหนือขยันขันแข็งในเรื่องนี้ไม่น้อย
เพราะตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017 เป็นต้นมา เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธทดสอบมาแล้วทั้งหมด 9 ครั้ง โดยเริ่มจากครั้งแรกในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ก่อน ตามมาด้วยด้วยการทดสอบอีก 2 ครั้งในเดือนมีนาคม ส่วนเดือนเมษายนและพฤษภาคมนั้นมีการทดสอบมากถึง 3 ครั้ง ก่อนจะเบามือลงในเดือนมิถุนายนที่มีเพียงครั้งเดียว และล่าสุดกับการยิงขีปนาวุธลงในน่านน้ำเขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่น เมื่อเช้าวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ถึงทางเกาหลีเหนือจะไม่เคยออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าค่าใช้จ่ายในการทดสอบขีปนาวุธแต่ละครั้งนั้นคิดเป็นเงินเท่าไร แต่เราก็สามารถคาดเดาได้ว่าต้องเป็นเงินจำนวนไม่น้อยอย่างแน่นอน จนหลายคนอาจเกิดคำถามว่า ประเทศที่แทบจะไม่มีสัมพันธไมตรีกับประเทศอื่นๆ อีกทั้งเศรษฐกิจในประเทศก็ไม่ได้คึกคัก มีช่องทางในการหาเงินอย่างไรที่ทำให้มีเงินมากพอที่จะพัฒนาและทดสอบอาวุธสงครามได้บ่อยขนาดนี้
และนี่คือ 5 สิ่งที่เชื่อว่าเป็นแหล่งที่มาของเงินที่อยู่เบื้องหลังการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
1.การค้าอาวุธ
ข้อมูลจาก Institute for Security Studies ระบุว่า เฉพาะปี 2007 - 2015 มูลค่าในการค้าขายอาวุธสงครามระหว่างเกาหลีเหนือและบางประเทศในแอฟริกานั้น สูงถึง 216.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยระหว่างปี 1998 - 2006 ที่มีมูลค่าเพียง 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ซึ่งถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้ของเกาหลีเหนือ
ส่วนลูกค้าขาจรก็มีอยู่บ้าง อย่างอียิปต์เองก็เป็นลูกค้าเช่นกัน เพราะมีรายงานว่าเมื่อกลางปี 2016 มีการขนส่งอาวุธจากเกาหลีเหนือไปยังอียิปต์ โดยเรือที่บรรทุกอาวุธในล็อตนั้นมีระเบิดจำนวน 30,000 ลูกและชิ้นส่วนอาวุธอื่นๆ อีกมาก
2.อาชญากรรมไซเบอร์
การก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ครอบคลุมการเจาะระบบเพื่อโจรกรรมเงิน เชื่อกันว่าเป็นช่องทางการหาเงินอย่างหนึ่งของเกาหลีเหนือ หนึ่งในอาชญากรรมที่คาดการณ์กันว่าน่าจะเป็นผลงานของเกาหลีเหนือก็คือ การโจรกรรมเงิน 81 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากบัญชีของบังกลาเทศที่อยู่กับ New York Federal Reserve แต่ The Wall Street Journal รายงานว่า การโจรกรรมครั้งนี้ที่มีเกาหลีเหนือเป็นผู้ต้องสงสัยนั้นลุล่วงได้ด้วยตัวช่วยที่อยู่ในประเทศจีน
3.การค้าถ่านหิน
ลูกค้ารายใหญ่ในการค้าขายถ่านหินของเกาหลีเหนือจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากจีน ประเทศที่อยู่ไม่ห่างกันเท่าไร แถมยังมีอุปสงค์ในการใช้ถ่านหินค่อนข้างสูง จึงเป็นที่มาของการส่งออกถ่านหินไปยังจีนปริมาณหลายล้านตันต่อปี
อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนืออาจจะต้องเล็งหาช่องทางรายได้ใหม่ เพราะเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ จีนได้ประกาศว่าจะหยุดการซื้อขายถ่านหินกับเกาหลีเหนือไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่
4.การค้ายา
การค้ายาในที่นี้ หมายถึง ธุรกิจค้ายาเถื่อนที่เกาหลีเหนือมีประวัติในการผลิตและส่งขายมาตั้งแต่ช่วงปี 1970s หนึ่งในสินค้าผิดกฎหมายยอดนิยมประเภทนี้ที่มาจากเกาหลีเหนือก็คือ ยาไวอากรา ที่มีรายงานว่าของเถื่อนจากเกาหลีนั้นผลิตออกมาได้ดูหน้าตาเนียนมาก จนแทบแยกไม่ได้ระหว่างไวอากราจริงและไวอากราปลอมเมดอินเกาหลีเหนือ
5.การค้าแรงงาน
ขึ้นชื่อว่าเกาหลีเหนือ การค้าแรงงานของประเทศนี้จึงไม่ใช่อะไรธรรมดาๆ อยู่แล้ว แต่เป็นการค้าแรงงานที่ไม่สามารถบอกได้ว่ามาจากความสมัครใจ 100 เปอร์เซ็นต์จริงหรือเปล่า จากรายงานของสหประชาชาติในปี 2015 พบว่า ประเทศที่เป็นลูกค้าและซื้อแรงงานจากเกาหลีเหนนือก็อย่างเช่น จีน รัสเซีย และประเทศในตะวันออกกลาง โดยเชื่อว่าแรงงานเหล่านี้กระจายอยู่ในอุตสาหกรรมเหมือง, ป่าไม้, สิ่งทอ และก่อสร้าง