เมื่อ 17 ก.พ. เดอะการ์เดียนรายงานความคืบหน้าการสอบสวนคดีการลอบสังหารนายคิม จองนัม พี่ชายต่างมารดาของนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่าหญิงสาวชาวอินโดนีเซียที่ถูกจับกุมเป็นผู้ต้องสงสัยรายที่ 2 ให้ปากคำว่า การที่พ่นสเปรย์ใส่หน้านายจองนัมนั้นเพราะคิดว่าเป็นการการทีวีแนวล้อกันเล่น หลังจากเคยเล่นกับเป้าหมายชายคนอื่นมาแล้ว
ติโต คาร์นาเวียน ผบ.ตร.อินโดนีเซีย ผู้เปิดเผยเรื่องนี้กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มาเลเซียที่สอบสวนให้รายละเอียดว่า จากการให้ปากคำของน.ส.สิตี ไอสยาห์ อายุ 25 ปี สาวอินโดนีเซียที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้รับค่าจ้างไม่กี่ดอลลาร์ไปทำเรื่องดังกล่าวกับนายจองนัม เพราะคิดว่าเป็นการบันทึกเทปรายการทีวีล้อเล่น
น.ส.สิตีกล่าวด้วยว่า สาวชาวเวียดนามอีกคนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยด้วยกันนั้น ทำหน้าที่ช่วยหลอกล่อชายหนุ่มที่เป็นเป้าหมายล้อเล่น ให้ปิดตา จากนั้นก็จะพ่นสเปรย์น้ำเปล่าใส่หน้า ทั้งสองเล่นแบบนี้กับเป้าหมายชายมาแล้ว 3-4 ครั้ง โดยได้ค่าจ้างไม่กี่ดอลลาร์ และไม่รู้ว่าสารที่พ่นใส่นายจองนัมคือยาพิษ
ก่อนหน้านี้ ครอบครัวและเพื่อนบ้านของน.ส.สิตีต่างตกใจที่หญิงสาวถูกจับกุมในคดีร้ายแรงเช่นนี้ เพราะ น.ส.สิตีเป็นคนนิสัยใจคอดี มีลูกแล้ว ที่เดินทางไปมาเลเซียก็เพื่อไปหางานทำ ซึ่งแฟนหนุ่มของน.ส.สิตีก็ถูกจับกุมด้วย และตำรวจยังคงล่าตัวผู้ต้องสงสัยรายอื่น
ขณะเดียวกัน ศพของนายจองนัมยังเป็นปัญหาระหว่างประเทศ เมื่อมาเลเซียแจ้งว่าจะส่งมอบศพให้แก่เกาหลีเหนือต่อเมื่อมีญาตินายจองนัมมาให้ดีเอ็นเอ เพื่อใช้สำหรับการพิสูจน์ศพ แต่เกาหลีเหนือกลับเร่งเร้าให้คืนศพทันที
ช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.พ. นายคัง โชล เอกอัครราชทูตประจำมาเลเซีย กล่าวตำหนิตำรวจมาเลเซียว่าถูกกดดันจากฝ่ายที่เป็นปรปักษ์กับเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าหมายถึงเกาหลีใต้ และการชันสูตรพลิกศพของมาเลเซียถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
"มาเลเซียถูกกดดันให้ชันสูตรศพโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือให้มีพยานรู้เห็น ดังนั้นเราขอปฏิเสธผลของการชันสูตรดังกล่าว เราขอเรียกร้องและต้องการให้มาเลเซียอย่าเข้าไปพัวพันแผนการทางการเมืองของฝ่ายปรปักษ์ที่ต้องการทำลายภาพของเกาหลีเหนือ และขอให้คืนศพทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข" ทูตเกาหลีเหนือกล่าว