จากปากคำผู้แปรพักตร์ : เกาหลีเหนือมักใช้อาวุธ “สายลับสาวสวยประหาร”

จากปากคำผู้แปรพักตร์ : เกาหลีเหนือมักใช้อาวุธ “สายลับสาวสวยประหาร”

เอเอฟพีรายงานวันที่ 16 ก.พ.ว่า จากกรณีนายคิม จองนัม พี่ชายต่างแม่ของนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือถูกลอบฆ่าด้วยการใช้พิษที่สนามบินกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียนั้น ผู้ที่แปรพักตร์จากเกาหลีเหนือมาอยู่เกาหลีใต้เปิดเผยว่า การใช้สายลับสาวหน้าที่ดีกลายเป็นอาวุธสำคัญที่เกาหลีเหนือจะใช้สังหารเป้าหมาย แทนที่สายลับชายด้วยศักยภาพที่แนบเนียนกว่า


"พวกเรามักระวังหญิงสาวที่มักเข้าหาเราว่าอาจเป็นคนที่ส่งมาแก้แค้นเราก็ได้" นายอัน ชันอิล นักวิจัยเกาหลีเหนือศึกษา ผู้แปรพักตร์มาอยู่เกาหลีใต้ตั้งแต่เมื่อปี 2522 กล่าว

นายอันเป็นผู้แปรพักตร์หนึ่งใน 8 คนที่ได้รับการคุ้มกันจากเกาหลีใต้ในระดับสูงสุด และหลังจากเกิดกรณีนายคิม จองนัมถูกฆ่าแล้ว เกาหลีใต้เพิ่มการคุ้มกันพิเศษผู้แปรพักตร์เป็น 20 คน

นายอันกล่าวว่า สายลับสาวเกาหลีเหนือทำงานพิเศษด้วยการหาข่าวกรองหรือสร้างเครือข่ายกับสายลับคนอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น ได้รับการฝึกให้ฆ่าโดยใช้ยาพิษ เพราะซ่อนพิษได้ง่าย บรรจุในตัวฉีดทำจากพลาสติกอันเล็กนิดเดียว หรือไม่ก็แอบไว้ในลิปสติก เครื่องสำอาง หรือใต้ร่มผ้า พร้อมเสริมว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยของสนามบินไม่สามารถตรวจจับอุปกรณ์พลาสติกดังกล่าวได้

คุณสมบัติที่สำคัญของสายลับสาวคือหน้าตาดีสะสวย โดยผู้สมัครเป็นสายลับถูกคัดกรองอย่างระมัดระวังทั้งเรื่องสติปัญญา คุณลักษณะของร่างกาย สาแหรกตระกูล ก่อนเข้าวงการสายลับ



จากปากคำผู้แปรพักตร์ : เกาหลีเหนือมักใช้อาวุธ “สายลับสาวสวยประหาร”

หญิงสาวต้องผ่านด่านทดสอบ ซึ่งฝึกฝนนานหลายเดือน ทั้งงานที่ต้องใช้ความแข็งแรงของร่างกาย ทักษะการต่อสู้ การใช้อาวุธ รู้จักสอดส่องตรวจตรา ตลอดจนเข้าคอร์สเรียนภาษา

นายอันกล่าวอีกว่า จากกรณีที่หญิงสาวซึ่งจับกุมได้สองคนปรากฏตัวอีกครั้งในที่เกิดเหตุที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ ที่เดียวกับจุดก่อเหตุ หลังผ่านไปสองวันนับจากที่นายคิม จองนัมถูกสังหารเป็นพฤติกรรมที่แปลกประหลาด

ปกติแล้วหากหญิงสาวที่จับกุมได้เป็นสาวลับเกาหลีเหนือ หล่อนจะหายตัวไปหรือไม่ก็ฆ่าตัวตายเมื่ออยู่ในภาวะที่เสี่ยงต่อการถูกจับกุม ไม่สามารถคาดเดาพฤติกรรมของสายลับสาวเหล่านี้ได้ง่ายๆ เหมือนในหนังสือนิยายสายลับ

ยกตัวอย่างกรณีสายลับเกาหลีเหนือ 2 คนที่ก่อเหตุวางระเบิดเครื่องบินเกาหลีใต้คร่าชีวิตผู้โดยสารบนเครื่อง 115 ราย ในจังหวะที่กำลังถูกจับในประเทศบาห์เรนเมื่อปี 2530 ทั้งสองกินแคปซูลบรรจุสารไซยาไนด์ที่ซ่อนไว้ในบุหรี่ สายลับชายเสียชีวิตทันที ส่วนส่วนสายลับหญิงที่ร่วมก่อการอีกคนไม่ตาย

สายลับหญิงคนดังกล่าว ชื่อ น.ส.คิม ฮยุนฮี กลายเป็นบุคคลที่ผู้คนทั่วโลกรู้จัก ต่อมาถูกนำตัวไปเกาหลีใต้และรับสารภาพว่าการก่อการร้ายมุ่งขัดขวางกีฬาโอลิมปิก 1988 ที่กรุงโซล ซึ่งเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2531 หญิงสาวถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ต่อมาได้อภัยโทษ หลังรัฐบาลเกาหลีใต้เห็นว่าปรับทัศนคติจนหญิงสาวไม่มีพิษภัยอีก

ขอบคุณ khaosod.co.th


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์