นักเรียนหลายคนยังคงมีชีวิตแต่ต้องติดอยู่ในซากเรือเฟอร์รีที่อับปางลงของเกาหลีใต้ ทั้งนี้ บางคนส่งข้อความขึ้นมาบอกผู้เป็นพ่อว่า เขายังอยู่ ให้รีบมาช่วยเร็ว บีบคั้นหัวใจบรรดาผู้ปกครองที่มารออย่างมีความหวังว่า หน่วยกู้ภัยจะสามารถช่วยชีวิตลูกของตนได้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ว่า ผู้ปกครองหลายคนที่เดินทางมาที่เกาะจินโด
เกาะที่ใกล้ที่สุดห่างจากบริเวณจุดเกิดเหตุเพียง 20 กิโลเมตร ต่างก็เชื่อว่า นักเรียนหลายคนยังคงมีชีวิตรอดอยู่ในช่องอากาศของเรือเซโวลที่อับปางลง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทั้งนี้ผู้ปกครองรายหนึ่งกล่าวกับสื่อมวลชนว่า ลูกชายของเขาส่งข้อความขึ้นมาบอกว่า เขายังคงมีชีวิตอยู่พร้อมกับคนอื่น ๆในเรือจำนวนมาก โปรดรีบมาช่วยพวกเขาออกไปเร็ว
ผู้ปกครองมากมายพากันมารวมตัวอยู่ที่ท่าเรือของเกาะจินโด เพื่อรอดูว่า หน่วยกู้ภัยสามารถช่วยชีวิตบุตรหลานของพวกเขาได้ทันกาลหรือไม่
ขณะที่ผู้สูญหายจากเหตุเรืออับปางยังคงอยู่ที่ 287 คน จำนวนผู้รอดชีวิต 179 คน และผู้เสียชีวิต 9 คน โดยรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ระดมกำลังซึ่งประกอบไปด้วยเรือรบ เรือหน่วยกู้ภัย เรือประมงจำนวน 72 ลำ และเฮลิคอปเตอร์อีก 18 ลำ เข้าไปยังพื้นที่ เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตให้ได้มากที่สุด
เหล่านักเรียนซึ่งส่วนใหญ่มาจากโรงเรียนมัธยมปลายดันซัน ตั้งอยู่ชานกรุงโซลได้ส่งข้อความมายังพ่อแม่ เพื่อนและญาติ ๆของพวกเขา
เมื่อพวกเขารู้ว่า เรือกำลังจะจม นักเรียนชายอายุ 17 ปี รายหนึ่งส่งข้อความมาหาแม่ของเขาว่า “แม่ นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมจะได้บอกว่า ผมรักแม่นะครับ” แต่ในที่สุดเด็กชายคนดังกล่าวก็เป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจำนวน 175 คน
ส่วนเด็กผู้หญิงนามสกุล “ชิน”ได้ส่งข้อความขึ้นมาบอกพ่อของเธอว่า “พ่อคะ ไม่ต้องเป็นห่วง หนูได้เสื้อชูชีพแล้ว พวกเราอยู่ด้วยกันเยอะเลยค่ะ”
ผู้เป็นพ่อตอบไปว่า “หน่วยกู้ภัยกำลังไปนะลูก หนูน่าจะหาทางออกมาข้างนอกตัวเรือนะ” เธอตอบมาอีกครั้งว่า “หนูออกไปไม่ได้ค่ะ เฉลียงเรือมีเด็กแน่นเต็มไปหมด มันอาจอันตรายมากกว่านี้เพราะเรือกำลังเอียงค่ะ” น่าเสียดายที่ “ชิน”เป็นหนึ่งในผู้ที่ยังสูญหาย
นอกจากนี้ ยังมีข้อความที่คาดว่าถูกส่งขึ้นมาจากในซากเรือที่กำลังจม เมื่อช่วงค่ำของวันพุธร้องขอความช่วยเหลือว่า
“หนูชื่อชอย เฮ-ริน อยู่ห้อง 9 ค่ะ หนูติดอยู่ที่ห้องอาหารของเรือ พวกเราหลายคนอยู่ที่นี่ แต่ต้องการความช่วยเหลือ แบตเตอร์รีโทรศัพท์ของเรากำลังจะหมด โปรดเชื่อในสิ่งที่หนูพูดด้วยนะคะ”
ซึ่งข้อความดังกล่าวทำให้ผู้ที่เป็นพ่อแม่ และผู้ที่เอาใจช่วยกับเหตุการณ์ด้งกล่าวถึงกับสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง.