ช็อก! หนุ่มอาเจียนเป็นตะปู แฟนสาว-เจ้าของหอพักเห็นกับตา

กรณีนี้เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีเหตุชายของความช่วยเหลือ เนื่องจากมีอาการอาเจียนออกมาเป็นเลือดและมีตูปูออกมารวม 4 ตัว ที่บริเวณหน้าห้องพักคนงานภายในซอยเก็บทรัพย์เจริญ 1 ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ

ผู้สื่อข่าว เดินทางไปที่ห้องพักคนงาน พบกับนายอภินันท์ เปิดใจเล่าให้ฟังว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกเพราะเคยอาเจียนเป็นเลือดแบบนี้ แต่ไม่มีตะปูออกมา พ่อแม่จึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลหล่มสัก ในตอนนั้นหมอเอ็กซ์เรย์พบว่า มีตะปูขนาดต่างๆ อยู่ใต้ผิวหนังถึง 27 ตัว พ่อแม่จึงพาไปหาร่างทรง หลังจากทำพิธีก็อาเจียนตะปูออกมา 27 ตัว ซึ่งร่างทรงบอกว่า ตนเองถูกทำคุณไสยเข้าร่างกาย หลังจากนั้นมาอาการก็เป็นๆ หายๆ ส่วนใหญ่จะเกิดอาการทุกวันพระใหญ่หรือหลังวันพระใหญ่ไปแล้ว

ที่ผ่านมาพ่อแม่เคยพาไปหาร่างทรงหลายที่แต่ก็ไม่มีที่ใดรักษาหายขาดได้ แต่ร่างทรงทุกคนจะบอกว่า ให้ระวังอายุเบญจเพสจะโดนของ หรือไม่ก็ตายโหง โดยตนเองเคยเป็นบุตรของวิญญาณตนหนึ่งแถวบ้านที่เพชรบูรณ์ แล้วหนีมาเกิด เขาจึงจะมาตามเพื่อเอากลับไปอยู่ด้วย จนกระทั่งล่าสุดเกิดอาเจียนออกมาเป็นเลือดและมีตะปูออกมาสองตัว ซึ่งครั้งนั้นไม่ได้ไปหาหมอ เพราะไม่มีใครเห็น และกลัวว่าหากเล่าเรื่องนี้ออกไปจะไม่มีใครเชื่อ แต่ก็ได้ไปที่วัด หลวงพ่อได้ทำน้ำมนต์ให้ดื่ม และอาบจนอาการร้อนวูบวาบก็หายไปและดีขึ้น

จนมาเกิดเรื่องขึ้นอีก ซึ่งตนเองยืนยันว่าไม่ได้สร้างเรื่องแต่อย่างใด ยอมรับว่าหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น และมั่นใจว่าถูกคุณไสยใส่ตัว จึงอยากขอให้ผู้เชี่ยวชาญทางถอดคุณไสยช่วยเหลือตนเอง จะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ส่วนแฟนสาวที่เป็นชาวกัมพูชาที่คบหากันมานั้นตนเองเพิ่งคบหาได้เพียงไม่กี่วัน แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาก่อนจะคบหากันด้วยซ้ำ จึงมั่นใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับแฟนสาว

ด้านแฟนสาวชาวกัมพูชา และคนที่ดูแลหอพัก ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง และเห็นกับตา เพราะระหว่างนั้นตนเองกำลังจะออกไปทำงานกับแฟนพอดี จังหวะที่อาเจียนออกมานั้น ตนเองก็จับมือแฟนหนุ่มอยู่ข้างๆ

เรื่องนี้ทาง อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า หากตะปูเข้าไปอยู่ในท้องจริง คงติดตลอดท่อทางเดินอาหาร ไม่น่าจะอาเจียนออกมาได้ และที่เป็นไปได้คือ เอาตะปูเข้าทางปาก แต่ยังไม่ไปถึงหลอดอาหาร และคงต้องให้แพทย์วินิจฉัยว่า มีร่องรอยแผลทางเดินอาหารหรือไม่