อัศจรรย์! พบอักขระปรากฏบนปั้นเหน่งหลวงพ่อนาน หลังพิธีพระราชทานเพลิงศพ
จากนั้นในช่วงเช้าวันนี้ (7 ม.ค.)เวลาประมาณ 07.00 น.ที่ผ่านมา ได้มีพิธีเก็บอัฐิของพระพิพิธประชานาถ จึงได้พบกับกระดูกบริเวณปั้นเหน่ง หรือหน้าผาก ของหลวงพ่อ ที่ปรากฏมีอักขระสลักไว้ ซึ่งศิษยานุศิษย์ต่างเชื่อว่า เป็นอักขระตัวหนังสือที่เป็นชื่อของท่าน และเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก โดยมีลักษณะของตัวหนังสือคำว่า "พระครู" ถึงแม้จะสังเกตุอ่านยาก และไม่ชัดเจนนัก และก็มีบางตัวที่มีพยัญชนะคล้ายภาษาไทยคือตัว "พ." ซึ่งตรงกับชื่อของท่านคือ "พิพิธประชานาถ" และมีตัวพยัญชนะคล้ายตัว "ช." ตรงกับคำหลังของชื่อคือ "ประชานาถ" นอกจากนี้ ยังมีตัวหนังสือลักษณะคล้ายลายเซ็นต์ของหลวงพ่อที่ด้านล่างของอักขระดังกล่าว ซึ่งทุกคนรวมทั้ง พระครูสุนทรสิลวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดสามัคคีรูปใหม่ และเจ้าคณะตำบลท่าสว่าง ก็ต่างเชื่อว่าเป็นลายเซ็นต์ของท่านอีกด้วย เพราะมีความคล้ายคลึงกับลายเซ็นต์ของท่านจริงๆ เรื่องราวดังกล่าวได้สร้างความฮือฮาและน่าอัศจรรย์ใจให้กับประชาชนพุทธศาสนิกชนที่ทราบข่าว ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล ต่างพากันทยอยเดินทางหลั่งไหลเข้ามาชมอัฐิของพระครูพิพิธประชานาถ เพื่อเป็นบุญตาและสิริมงคลกับชีวิตอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันอย่างไม่ขาดสายอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่น่าเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ คือเมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้มีพิธีเปลี่ยนผ้าไตรจรสรีระสังขารของพระครูพิพิธประชานาถ หลังท่านมรณะภาพไปเมื่อวันที่ 20 ก.ค.58 เวลา 14.20 น.สิริรวมอายุ 86 ปี และถูกบรรจุสรีสะสังขารอยู่ในโลงแก้วถึง 2 ปี โดยที่ศพไม่เน่าเปื่อย ไม่มีกลิ่นเหม็น แถมยังมีเส้นผมงอกยาวอีกด้วย ซึ่งสรีระสังขารทีบรรจุอยู่ในโลงแก้วในสภาพที่นอนหลับตา แต่พอศิษยาณุศิษย์ยกสรีระสังขารยืนขึ้นเพื่อเปลี่ยนผ้าไตรจีวร กลับพบว่าตาของท่านทั้ง 2 ข้างกลับเปิดขึ้น โดยที่ลูกศิษย์พึ่งสังเกตเห็นในภาพนิ่งที่บันทึกไว้ในภายหลังแล้ว จากนั้นได้บรรจุสรีระสังขารในโลงไม้โบราณ เพื่อรอประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งบรรดาศิษยาณุศิษย์และประชาชนที่ทราบข่าว ต่างเชื่อว่าเป็นความศักดิ์สิทธิ์ และบุญญาบารมีของท่านที่สะสมมาตลอดชีวิตที่บวชเป็นเป็นพระสายปฏิบัติและพระนักพัฒนา ของพระครูพิพิธประชานาถ ที่ปรากฏความน่าอัศจรรย์ใจดังกล่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้พุทธศาสนิกชนได้เห็น
สำหรับประวัติ พระครูพิพิธประชานาถ ชื่อเดิมว่า นาน นามสกุล สีชมพู บวชเป็นพระภิกษุมา 66 พรรษา เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม 2472 ปีมะเส็ง ที่บ้านเลขที่ 24 บ.เตรี๊ยะใต้ ต.ตะพานลาว อ.เมือง จ.สุรินทร์ เป็นบุตรของนายบัว และนางจุม สีชมพู มีพี่น้อง 8 คน ชาย 6 คน หญิง 2 คน และท่านเป็นคนโต มรณะภาพไปเมื่อวันที่20 ก.ค.2558 เวลา 14.20 น.สิริรวมอายุ 86 ปี
พระครูสุนทรสิลวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดสามัคคี เจ้าคณะตำบลท่าสว่าง กล่าวว่า หลังจากที่พระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่เสร็จแล้ว จากนั้นได้มีการเก็บอัฐิของหลวงปู่มาไว้ที่กุฏิ และก็ได้สังเกตุเห็นในเชิงลักษณะของชื่อเป็นนามของท่านว่า พระครูพิพิธประชานาถ ซึ่งมีส่วนคล้าย ซึ่งเราดูชัดๆถึงแม้จะปรากฏชื่อไม่เต็มบริบูรณ์ แต่ก็มีส่วนคล้ายคำว่าพระครู และคำว่าประชานาถ ชัดมาก ส่วนด้านล่างจะมีส่วนคล้ายลายเซ็นท่าน ที่บอกว่าคล้าย เนื่องตนได้บวชอยู่กับหลวงปู่มานานตั้งแต่ปี 36 ก็จะเห็นหลวงปู่เซนต์ลายเซนต์เป็น พ.พาน และก็ขีดเขียน คล้ายกับที่พบในอัฐิท่าน ซึ่งส่วนที่พบเป็นหน้าผาก หรือภาษาทั่วไปเรียกว่า ปั้นเหน่งของหลวงปู่ โดยเมื่อเช้าที่ผ่านมาหลังจากชาวบ้านทราบข่าวว่ามีชื่อหลวงปู่ปรากฏที่กระดูหน้าผากท่าน ก็พากันมาดูและกราบไหว้จำนวนมาก เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ แม้ว่าสรีระของท่านจะหายไปแล้วก็ตาม แต่ชื่อเสียงคำว่าพระครูพิพิธประชานาถ แปลว่า พระผู้เป็นที่พึ่งของประชาชน ยังคงอยู่ติดตัวท่านไปจนวันตาย
ด้านนายสุรเชษฐ์ บรรจถรณ์ ผู้ใหญ่บ้านอาม็อง หมู่ 13 ต.ท่าสว่าง บอกว่า ก่อนหน้าที่จะพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 1 ม.ค. เป็นการนำสรีระของท่านออกจากโลงแก้ว ซึ่งเก็บไว้เป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่ปี 2558 เพื่อเปลี่ยนเครื่องอัฐะบริขาร ปรากฏว่า ร่างกายท่านไม่มีเปื่อยเน่า สรีระท่านแห้งไปเลย และไม่มีแม้แต่น้ำเหลือง หรือเลือดติดกับจีวรท่าน แถมยังมีเส้นผมงอกออกมา และเป็นที่อัศจรรย์ก็คือเมื่อเปลี่ยนเครื่องอัฐะบริหารสรีระท่านแล้ว ในขณะที่ยกยืนขึ้น ที่ดวงตาท่านเปิดและเหมือนมองญาติโยมที่มาร่วมงาน แต่เมื่อนำสรีระท่านนอนลง กลับหลับตา เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้ที่เห็นเป็นอย่างมาก ซึ่งก็มีรูปที่ถ่ายมายืนยันให้เห็น จนกระทั่งหลังพระราชทานเพลิงศพเสร็จเมื่อเก็บอัฐิท่านก็มาพบมีลักษณะอักษรคล้ายชื่อท่านปรากฏให้เห็นที่กระดูกหน้าผากของท่านอีก