อุตุฯเตือน ‘อากาศเย็นหลงฤดู’ อุณหภูมิลดฮวบ


อุตุฯเตือน ‘อากาศเย็นหลงฤดู’ อุณหภูมิลดฮวบ


กรมอุตุฯ แถลงด่วน เตือน 16-20 มี.ค.นี้ รับมือ "อากาศแปรปรวน" พายุฝนฟ้าคะนอง ลูกเห็บตก ฟ้าผ่าบางพื้นที่ เผยจะมีอากาศเย็นหลงฤดูเข้ามา จาก 2 ปัจจัยหลักคือ ‘มวลอากาศเย็นที่เคลื่อนลงมาผ่านประเทศจีน' และปัจจัยทางอ้อมคือ ‘กระแสลมวนขั้วโลก' (Polar Vortex) ส่งผลภาคอีสานอุณหภูมิลดฮวบ 5-8 องศาเซลเซียส ส่วนภาคอื่นลดลง 2-4 องศา กทม.รอบนี้เย็นสุด 23 องศา

นายนัฐวุฒิ แดนดี รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาฝ่ายวิชาการ และโฆษกกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 16-20 มีนาคมนี้ ประเทศไทยตอนบนจะมีสภาพอากาศแปรปรวน มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลูกเห็บตก รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลด 5-8 องศาเซลเซียส ส่วนภาคอื่น ๆ จะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส

เนื่องจากมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน แต่เนื่องจากขณะนี้ไทยอยู่ในช่วงฤดูร้อน จึงทำให้รู้สึกอากาศเย็นลงวูบวาบ โดยเฉพาะภาคอีสานที่จะได้รับผลกระทบก่อนภาคอื่น ๆ ในช่วงกลางวันที่อุณหภูมิสูงสุดต้นทุนเดิม 38-39 องศาเซลเซียส อาจจะลดลงเหลือ 30-31 องศาเซลเซียส ส่วนตอนเช้าอุณหภูมิต่ำสุด 16-17 องศาเซลเซียส

นายนัฐวุฒิกล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากปัจจัย ‘มวลอากาศเย็นที่เคลื่อนลงมาผ่านประเทศจีน' เป็นหลัก แต่ปัจจัยทางอ้อมคือ ‘กระแสลมวนขั้วโลก' (Polar Vortex) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่อากาศเย็นขนาดใหญ่ซึ่งหมุนวนอยู่บริเวณขั้วโลกเหนือ โดยปกติจะถูกกั้นไว้ด้วยกระแสลมกรดขั้วโลก (Polar Jet Stream) แต่เมื่อกระแสลมวนขั้วโลกขาดเสถียรภาพ ทำให้กระแสลมกรดถูกรบกวนจนมีกำลังอ่อนลงไปด้วย อากาศเย็นบริเวณขั้วโลกดังกล่าวจึงสามารถแผ่ขยายลงมายังละติจูดต่ำ ๆ ได้ สร้างความหนาวเย็นให้กับเขตพื้นที่ที่อุ่นกว่า

อีกทั้งจากภาวะโลกร้อนและสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ประเทศไทยและกรุงเทพมหานครได้รับผลกระทบจาก ‘กระแสลมวนขั้วโลก' บ้าง แต่ไม่ใช่ผลกระทบโดยตรง เนื่องจากมีเทือกเขาหิมาลัยขวางกั้น แต่ปัจจัยความหนาวเย็นที่สำคัญของไทยคือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุมเป็นระลอก ๆ ทำให้อุณหภูมิลดลงเป็นระลอกเช่นกัน ระยะเวลาที่อุณหภูมิลดลงรอบนี้จึงยาวขึ้นจากเดิม 2-3 วัน เป็น 3-5 วัน

โฆษกกรมอุตุนิยมวิทยากล่าวว่า
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประเทศไทยได้สัมผัสอากาศเย็นในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน แต่เคยเกิดขึ้นแล้วในช่วงปี 2554 ปี 2559 และปี 2565 สถิติจากศูนย์ภูมิอากาศ กองพัฒนาอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุสภาวะอากาศประเทศไทยเดือนมีนาคม 2554 อุณหภูมิต่ำที่สุดวัดได้ 12 องศาเซลเซียส ที่อําเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 17 และ 18 มีนาคม 2554 ขณะที่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีอุณหภูมิต่ำสุดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2554 อยู่ที่ 18 องศาเซลเซียส

ต่อมาในเดือนเมษายน 2554 ไทยได้รับอิทธิพลความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปะทะกับมวลอากาศร้อนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระยะทําให้อุณหภูมิลดลง โดยเฉพาะช่วงปลายเดือน อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 16 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2554 ที่อําเภอเมือง จังหวัดเลย
ถัดมาในปี 2559 แม้ไทยจะได้รับอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนต่อเนื่อง แต่ก็ยังพบอุณหภูมิต่ำสุดที่วัดได้ 10.2 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2559 ที่จังหวัดนครพนม โดยหย่อมความกดอากาศต่ำยังคงแผ่อิทธิพลปกคลุมประเทศไทยต่อเนื่องถึงเดือนเมษายน 2559

และในปี 2565 ไทยเจออากาศเย็นในฤดูร้อนอีกครั้ง เมื่อวันที่ 2-3 เมษายน อุณหภูมิต่ำสุดพื้นราบวัดได้ 14.8 องศาเซลเซียส ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2565

ดังนั้น ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาพอากาศแปรปรวนที่มีฝนตกหนักและอุณหภูมิลดลง และดูแลรักษาสุขภาพในระยะนี้ไว้ด้วย หากมีข้อสอบถามเพิ่มเติมสามารถโทร. 0-2399-4012-14 และสายด่วน 1182 ตลอด 24 ชั่วโมง

ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 16-17 มี.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง กับลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย

ในช่วงวันที่ 17-20 มี.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างและห่างฝั่งทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

อุตุฯเตือน ‘อากาศเย็นหลงฤดู’ อุณหภูมิลดฮวบ

คาดหมายอากาศรายภาค

วันที่ 14-20 มี.ค. 2568

ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 14-15 มี.ค. อากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัว และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-42 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 5 - 15 กม./ชม.

ส่วนในช่วงวันที่ 16-20 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 14-15 มี.ค. อากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัว และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39-41 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ -ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ส่วนในช่วงวันที่ 16-20 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง ในช่วงวันที่ 16-17 มี.ค. หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 5-8 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 17-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 14-15 มี.ค. อากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัว และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38-41 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ความเร็ว 10-15 กม./ชม

ส่วนในช่วงวันที่ 16-20 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง ในช่วงวันที่ 16-17 มี.ค. หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 20-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 14-15 มี.ค. อากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัว โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 16-20 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง ในช่วงวันที่ 16-17 มี.ค. หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 17-20 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 17-19 มี.ค.

ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-35 องศาเซลเซียส

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 14-17 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 18-20 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส

กรุงเทพฯ และปริมณฑล
ในช่วงวันที่ 14-15 มี.ค. อากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัว และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-40 องศาเซลเซียส ลมใต้ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ส่วนในช่วงวันที่ 16-20 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ในช่วงวันที่ 16-17 มี.ค. หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.



อุตุฯเตือน ‘อากาศเย็นหลงฤดู’ อุณหภูมิลดฮวบ

เครดิต :
เครดิต : ที่นี่ดอทคอม ทันทุกเรื่องฮิต


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์