"แจงผลงาน คมช."
หลังจากที่คณะทหารได้เข้าทำการรัฐประหารเมื่อ วันที่ 19 ก.ย. 2549 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 6 เดือน ทาง คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จึงได้จัดการแถลง ผลงานในรอบ 6 เดือน พร้อมย้ำถึงเหตุผลในการทำปฏิวัติ ในขณะที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธาน คมช. แบ่งรับแบ่งสู้เรื่องจะสืบทอดอำนาจ ด้วยการรับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี
คมช.จัดแถลงผลงานในรอบ 6 เดือน
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (20 มี.ค.) ที่หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธาน คมช. พร้อมด้วย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ในฐานะสมาชิก คมช. พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะเลขาธิการ คมช. พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ได้ร่วมแถลงผลงาน ของ คมช.ในรอบ 6 เดือน โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแถลงข่าวด้วย อาทิ โฆษกรัฐบาล คตส. ป.ป.ช. ส.ส.ร. กกต. สนช. อัยการสูงสุด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดย พล.อ.สนธิได้กล่าวเปิดการแถลงข่าวว่า ตั้งแต่ วันที่ 20 ก.ย. 49 จนถึงวันนี้ เป็นเวลา 6 เดือน ทุกคนคง จำภาพเหตุการณ์ก่อนวันที่ 19 ก.ย. เป็นอย่างดีว่า เหตุการณ์ ของประเทศชาติในห้วงนั้นเป็นอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะความขัดแย้งของสังคม การรวมตัวกันเพื่อเดินขบวนขับไล่ เรียกร้องนานาประการ จากคนเป็นหมื่นเป็นแสนคน เป็นครั้งแรกของคนในชาติที่มีความขัดแย้ง และมีความรู้สึกกระทบต่อจิตใจของประชาชน
ย้ำ 4 เหตุผลที่ต้องทำปฏิวัติรัฐประหาร
คนไทยทุกคนอยากได้ระบบประชาธิปไตยที่ แท้จริง แต่จริงๆแล้วเหมือนกับระบอบเผด็จการทุนนิยม เข้ามาครอบงำในการบริหารประเทศชาติในช่วงนั้น ทำให้ ประชาชนอึดอัด นักธุรกิจ พ่อค้าประชาชนรู้เห็นปัญหาอย่างต่อเนื่อง ทุกคนทราบดีว่า หลังจากการปฏิรูปเพียงหนึ่งวัน คือวันที่ 20 ก.ย. จะมีการนัดพบกันระหว่างประชาชน 2 กลุ่ม และจากข้อมูลข่าวสารจะมีการปะทะกันและใช้อาวุธ ถือว่าเป็นการเผชิญหน้าที่มีความรุนแรง กองทัพในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบต่อความสงบเรียบร้อย คงจะยอมไม่ได้ ที่จะให้เกิดภาพอย่างนั้น พล.อ.สนธิกล่าวและว่า ในห้วง นั้นมีเหตุการณ์อยู่ 4 เรื่องที่สำคัญ กองทัพและประชาชนมีความเห็นเหมือนกันและเป็นหนึ่งเดียวกันก็คือ 1. มีการ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 2. การทุจริตคอรัปชันในประเทศ อย่างกว้างขวาง 3. การครอบงำองค์กรอิสระ และ 4. การ แตกแยกความสามัคคีของคนในชาติในทุกภาคส่วนของประเทศ จากเหตุการณ์ทั้งหมดนำมาสู่วันที่ 19 ก.ย. 2549 หลังจากวันที่ 20 ก.ย. 2549 ทาง คมช.พยายามอย่างยิ่งใน การที่จะคืนในระบอบประชาธิปไตยให้ประชาชนโดยเร็ว
ยืนยันไม่เคยเข้าไปชี้นำองค์กรใด
พล.อ.สนธิกล่าวว่า จะเห็นว่าเราใช้เวลาแค่ 12 วัน ได้ทำร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวสำเร็จ จากนั้นได้จัดตั้งองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น กกต. คตส. ป.ป.ช. และ สตง.ขึ้น องค์กรที่สำคัญที่ทาง คมช.ได้ดำเนินการต่อไปคือองค์การบริหาร คือรัฐบาลที่เราได้จัดตั้งขึ้นมา โดยได้เลือกตัวนายกรัฐมนตรีขึ้นมาบริหาร นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งองค์กรนิติบัญญัติ คือ สนช. เพื่อมาเป็นเจ้าหน้าที่กำกับดูแลการบริหารงานของรัฐบาล และสุดท้ายงานของ คมช. คือการจัดตั้ง สสร. และคณะกรรมาธิการยกร่าง ท่านคงเห็นว่าปัญหาต่างๆที่ผ่านมานั้น การแก้ปัญหานั้นเป็นไปด้วยความยากเย็นและล่าช้า ทั้งนี้ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงจากระบอบประชาธิปไตยปลอมๆ มาเป็นเผด็จการทุนนิยม การจะนำพามาสู่ประชาธิปไตยอย่างที่เราต้องการคงไม่ง่ายนัก เพราะมีการปลูกฝังรากลึกไว้นานแล้ว เราตระหนักดีว่าประชาชนทั้งหลายกำลังเฝ้าคอย อยากจะเห็นการนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ในการดำเนินการของคณะทำงานที่เกี่ยวข้องเราต้องดำรงความถูกต้อง ดำรงให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ที่ผ่านมาเวลา 6 เดือน คมช. มิเคยชี้นำ ต่อองค์กรใดๆที่ทาง คมช.ได้มีการจัดตั้งขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว แต่คงเฝ้าติดตามการดำเนินงานของทุกองค์กร เพราะเป็นความรับผิดชอบของ คมช.อยู่จนถึงวาระสุดท้าย