คมช.โชว์ผลงาน ล้างระบอบทักษิณ

"แจงผลงาน คมช."


หลังจากที่คณะทหารได้เข้าทำการรัฐประหารเมื่อ วันที่ 19 ก.ย. 2549 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 6 เดือน ทาง คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จึงได้จัดการแถลง ผลงานในรอบ 6 เดือน พร้อมย้ำถึงเหตุผลในการทำปฏิวัติ ในขณะที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธาน คมช. แบ่งรับแบ่งสู้เรื่องจะสืบทอดอำนาจ ด้วยการรับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี

คมช.จัดแถลงผลงานในรอบ 6 เดือน

เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (20 มี.ค.) ที่หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธาน คมช. พร้อมด้วย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ในฐานะสมาชิก คมช. พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะเลขาธิการ คมช. พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ได้ร่วมแถลงผลงาน ของ คมช.ในรอบ 6 เดือน โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแถลงข่าวด้วย อาทิ โฆษกรัฐบาล คตส. ป.ป.ช. ส.ส.ร. กกต. สนช. อัยการสูงสุด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดย พล.อ.สนธิได้กล่าวเปิดการแถลงข่าวว่า ตั้งแต่ วันที่ 20 ก.ย. 49 จนถึงวันนี้ เป็นเวลา 6 เดือน ทุกคนคง จำภาพเหตุการณ์ก่อนวันที่ 19 ก.ย. เป็นอย่างดีว่า เหตุการณ์ ของประเทศชาติในห้วงนั้นเป็นอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะความขัดแย้งของสังคม การรวมตัวกันเพื่อเดินขบวนขับไล่ เรียกร้องนานาประการ จากคนเป็นหมื่นเป็นแสนคน เป็นครั้งแรกของคนในชาติที่มีความขัดแย้ง และมีความรู้สึกกระทบต่อจิตใจของประชาชน

ย้ำ 4 เหตุผลที่ต้องทำปฏิวัติรัฐประหาร

คนไทยทุกคนอยากได้ระบบประชาธิปไตยที่ แท้จริง แต่จริงๆแล้วเหมือนกับระบอบเผด็จการทุนนิยม เข้ามาครอบงำในการบริหารประเทศชาติในช่วงนั้น ทำให้ ประชาชนอึดอัด นักธุรกิจ พ่อค้าประชาชนรู้เห็นปัญหาอย่างต่อเนื่อง ทุกคนทราบดีว่า หลังจากการปฏิรูปเพียงหนึ่งวัน คือวันที่ 20 ก.ย. จะมีการนัดพบกันระหว่างประชาชน 2 กลุ่ม และจากข้อมูลข่าวสารจะมีการปะทะกันและใช้อาวุธ ถือว่าเป็นการเผชิญหน้าที่มีความรุนแรง กองทัพในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบต่อความสงบเรียบร้อย คงจะยอมไม่ได้ ที่จะให้เกิดภาพอย่างนั้น พล.อ.สนธิกล่าวและว่า ในห้วง นั้นมีเหตุการณ์อยู่ 4 เรื่องที่สำคัญ กองทัพและประชาชนมีความเห็นเหมือนกันและเป็นหนึ่งเดียวกันก็คือ 1. มีการ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 2. การทุจริตคอรัปชันในประเทศ อย่างกว้างขวาง 3. การครอบงำองค์กรอิสระ และ 4. การ แตกแยกความสามัคคีของคนในชาติในทุกภาคส่วนของประเทศ จากเหตุการณ์ทั้งหมดนำมาสู่วันที่ 19 ก.ย. 2549 หลังจากวันที่ 20 ก.ย. 2549 ทาง คมช.พยายามอย่างยิ่งใน การที่จะคืนในระบอบประชาธิปไตยให้ประชาชนโดยเร็ว

ยืนยันไม่เคยเข้าไปชี้นำองค์กรใด

พล.อ.สนธิกล่าวว่า จะเห็นว่าเราใช้เวลาแค่ 12 วัน ได้ทำร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวสำเร็จ จากนั้นได้จัดตั้งองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น กกต. คตส. ป.ป.ช. และ สตง.ขึ้น องค์กรที่สำคัญที่ทาง คมช.ได้ดำเนินการต่อไปคือองค์การบริหาร คือรัฐบาลที่เราได้จัดตั้งขึ้นมา โดยได้เลือกตัวนายกรัฐมนตรีขึ้นมาบริหาร นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งองค์กรนิติบัญญัติ คือ สนช. เพื่อมาเป็นเจ้าหน้าที่กำกับดูแลการบริหารงานของรัฐบาล และสุดท้ายงานของ คมช. คือการจัดตั้ง สสร. และคณะกรรมาธิการยกร่าง ท่านคงเห็นว่าปัญหาต่างๆที่ผ่านมานั้น การแก้ปัญหานั้นเป็นไปด้วยความยากเย็นและล่าช้า ทั้งนี้ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงจากระบอบประชาธิปไตยปลอมๆ มาเป็นเผด็จการทุนนิยม การจะนำพามาสู่ประชาธิปไตยอย่างที่เราต้องการคงไม่ง่ายนัก เพราะมีการปลูกฝังรากลึกไว้นานแล้ว เราตระหนักดีว่าประชาชนทั้งหลายกำลังเฝ้าคอย อยากจะเห็นการนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ในการดำเนินการของคณะทำงานที่เกี่ยวข้องเราต้องดำรงความถูกต้อง ดำรงให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ที่ผ่านมาเวลา 6 เดือน คมช. มิเคยชี้นำ ต่อองค์กรใดๆที่ทาง คมช.ได้มีการจัดตั้งขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว แต่คงเฝ้าติดตามการดำเนินงานของทุกองค์กร เพราะเป็นความรับผิดชอบของ คมช.อยู่จนถึงวาระสุดท้าย

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ



รัฐบาลแจงร่วมมือ คมช.ไม่มีปัญหา


ร.อ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า 5 เดือน ที่รัฐบาลได้มุ่งมั่นดำเนินงานตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน โดยร่วมมือกับ คมช. ที่ดูแลด้านความมั่นคงของประเทศ ซึ่งนโยบายการปฏิรูปการเมืองปกครอง และการบริหาร และการมีส่วนร่วมของประชาชน คือปัจจัยที่ทำให้การปฏิรูปการเมืองมีความยั่งยืน รัฐบาลสนับสนุนการจัดทำร่าง รธน. จัดตั้งคณะอำนวยการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการทำ รธน.แห่งราชอาณาจักรไทยฉบับถาวร และจัดทำแผนแม่บทพัฒนาการเมืองเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมทางการเมือง รัฐบาลยังได้เร่งดำเนินการในวาระแห่งชาติในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธ.ค.2550 โดยให้ส่วนราชการ และหน่วยงานต่างๆ จัดงานเฉลิมฉลองเพื่อให้ประชาชนได้แสดงความกตัญญูกตเวที ระลึกในพระมหากรุณาธิคุณ แสดงความจงรักภักดี นอกจากนี้ วาระแห่งชาติด้านจริยธรรม ธรรมาภิบาล และการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ รัฐบาลมุ่งเสริมสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ น้อมนำแนวทางพระราชทานเข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา เพื่อเป็น แนวทางในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้

สนช.เร่งออกกฎหมายเพื่อประชาชน

น.ส.พจนีย์ ธนวรานิช รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ของ สนช. ที่ผ่านมา ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ที่ คมช. และ สนช. ได้เสนอให้สภาพิจารณานั้น เป็นที่อยู่ในความสนใจของประชาชน อาทิ ร่าง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ร่าง พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ การตั้งกระทู้ถาม การตั้งคณะกรรมาธิการ สนช.ได้คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ และมุ่งหวังที่จะให้ร่าง พ.ร.บ.ทุกฉบับที่ สนช. ลงมติเห็นสมควรให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายสามารถนำไปใช้บังคับเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และนำไปใช้แก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมได้ นายสัก กอแสงเรือง กรรมการและโฆษกคณะกรรมการตรวจสอบ การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวว่า ขณะนี้ผลการดำเนินงานของ คตส. ถึงวันที่ 19 มี.ค. 2550 คตส.ได้รับเรื่องไว้พิจารณา 14 เรื่อง แบ่งเป็นกรณีตรวจสอบและไต่สวน แล้วให้สำนักงานอัยการสูงสุดและกรมสรรพากรดำเนินการต่อตามอำนาจหน้าที่ 1 เรื่อง กรณีอยู่ระหว่างการไต่สวน 7 เรื่อง และ กรณีที่อยู่ระหว่างการไต่สวน 6 เรื่อง

คตส.คุยโอ่ผลงานเข้าตากรรมการ

นายสักกล่าวว่า สำหรับเรื่องที่ส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดและกรมสรรพากรคือ กรณีกล่าวหานายบรรรณ-พจน์ ดามาพงศ์ กับพวกรวม 6 คน ร่วมกันหลีกเลี่ยงภาษี ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 (1) (2) ล่าสุดสำนักงานอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องบุคคลทั้ง 3 และนัดส่งตัวไปฟ้องที่ศาลในวันที่ 26 มี.ค.นี้ นอกจากนี้ คตส.ยังได้สรุปผลการตรวจสอบ ส่งให้กรมสรรพากรดำเนินการประเมินเพื่อเรียกภาษีเงินได้จำนวน 546 ล้านบาทเศษ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการอุทธรณ์ โดยวางหลักประกันค่าภาษี และอยู่ระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์ของกรมสรรพากร ส่วนโครงการที่กำลังดำเนินการไต่สวน อาทิ การตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบในการเข้าซื้อที่ดินจากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่ซื้อที่ดินดังกล่าวในราคา 722 ล้านบาท กรณีการทุจริตในโครงการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX 9000 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรณีการทุจริตในโครงการจัดซื้อต้นกล้ายาง 90 ล้านต้น เป็นต้น

คตส.ขอยืนยันว่าจะยึดหลักกฎหมายในการทำงาน และจะทำงานให้โปร่งใส ไม่มีอคติ ไม่มีการตั้งธง และโครงการแต่ละโครงการที่จะตรวจสอบใช้เวลาไม่เกิน 5 เดือน และเชื่อว่า คตส.สามารถดำเนินการตรวจสอบโครงการต่างๆ ได้ตามกรอบระยะเวลา 1 ปี นายสักกล่าว

ป.ป.ช.อ้างงานเยอะทำให้คดีล่าช้า

นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษก ป.ป.ช. กล่าวว่า ป.ป.ช. ชุดนี้เข้ารับหน้าที่เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2549 ต้องเข้ามาแก้ ปัญหาที่หมักหมมอยู่ในสำนักงาน ป.ป.ช.เป็นจำนวนมาก เนื่องจากในปี 2547 เกิดอุบัติเหตุไม่มีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทำให้งานทั้งหมดหยุดชะงัก จนกระทั่งคณะปฏิรูปการปกครองฯ ออกประกาศฉบับที่ 19 แต่งตั้งกรรมการ ป.ป.ช.ขึ้นมา ตอนที่เราเข้ามาทำงานใน ป.ป.ช. มีงานที่ค้างการสอบสวนอยู่ทั้งหมด 11,459 เรื่อง และมีบัญชีทรัพย์สินที่ค้างการตรวจสอบ 38,865 บัญชี รวมถึงเรื่องที่ร้องเรียนเข้ามาทั้งหมด 1,354 เรื่อง ทาง ป.ป.ช.ต้องดำเนินการไต่สวนเอง หรือต้องตั้งอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวนทุกเรื่อง ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมานั้น ทาง คมช. ได้ชี้มูลความผิดส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนิน คดีไปแล้ว 36 คดี คดีใหญ่ๆได้แถลงไปหมดใน 36 คดีที่ส่งไปแล้วนั้นยังมีคดีที่สำคัญๆ อยู่ในระหว่างการดำเนินการของ คมช.อยู่อีกหลายเรื่อง เช่นการทุจริตคลองด่าน คลองด่านจะแยกออกเป็น 2 เรื่องคือ การทุจริตในเรื่องการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน เรื่องนี้ได้มี การไต่สวนครบถ้วนแล้ว และจะเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ในเร็วๆ นี้ ส่วนเรื่องที่ 2 การไต่สวนเกี่ยวกับโครงการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน เนื่องจากเป็นการกระทำที่กว้างขวางมาก

ส.ส.ร.แจงร่างรัฐธรรมนูญคืบหน้า


นายเดโช สวนานนท์ รองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2550 ได้บัญญัติให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญและพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับตั้งแต่วันเปิดสภาร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรก เพื่อให้การจัดรัฐธรรมนูญเป็นไปตามเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูญ สภาร่างรัฐธรรมนูญได้ตั้งกรรมาธิการขึ้น 13 คณะ ในการจัดทำการร่างรัฐธรรมนูญ โดยสาระ สำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดเพื่อป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ และการแทรกแซงองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญนั้น สรุปได้คือเรื่องการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ 1.ให้สามีภรรยาและบุตรของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องยื่นแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน 2.ให้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถร้องขอให้เปิดเผยบัญชีของผู้ดำรงตำแหน่งอื่น ที่มิใช่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีได้ ในกรณีที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาพิพากษาคดีหรือการวินิจฉัยชี้ขาด 3.ให้แสดงรายการภาษีเงินได้ต่อ ป.ป.ช. 4.กรณีบุคคลใดไม่ยื่นบัญชี ผู้นั้นต้องมิให้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองและสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งทางการเมือง

กกต.โวชุดดรีมทีมกู้ภาพลักษณ์

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา กกต.ไม่เคยถูกแทรกแซงหรือครอบงำจาก คมช. ทั้งนี้ กกต. ได้ปฏิบัติภารกิจสำคัญเพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ขององค์กร และประเทศ โดยได้ดำเนินให้เห็นมีการปฏิรูปการปกครอง จัดการเลือกตั้งในองค์กรปกครองไปแล้ว 1,108 แห่ง ท้องถิ่นบางแห่งมีการเลือกตั้งไม่สุจริต เที่ยงธรรม กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ และสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือให้ใบแดง 6 ราย ถอดถอนนายก อบต. 3 แห่ง ถอดถอนสำเร็จ 1 แห่ง กกต.ได้เตรียมความพร้อมโดยการยกร่างประกาศเรื่องหลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกเสียงประชามติ และร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ซึ่งขณะนี้สำเร็จแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการยกร่างระเบียบว่าด้วยการจัดการให้มีการออกเสียงประชามติ คาดว่าจะเสร็จแล้วในเดือน เม.ย. 2550 นอกจากนี้ ยังได้มีการเตรียมความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. ได้ดำเนินการเป็นคู่ขนานกับร่างรัฐธรรมนูญ เช่น การแต่งตั้งคณะทำงานดำเนินการยกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทุกฉบับ การประสานความร่วมมือกับกรมการปกครอง จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง การป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียง โดยใช้มาตรการสังคมและกฎหมาย

สตช.เร่งคดี ทักษิณ หมิ่นเบื้องสูง

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. กล่าวแถลงถึงคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมีทั้งสิ้น 7 คดี เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยคดียุติแล้ว 1 คดี คือกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นั่งเป็นประธานพิธีทำบุญประเทศภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดย ผบ.ตร.และพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องไปเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2549 ส่วนคดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวนมีทั้งหมด 6 คดี อยู่ในการพิจารณาของพนักงานอัยการสอบสวนเพิ่มเติม มีทั้งสิ้นจำนวน 3 คดี คือ 1. กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณกระทำผิดระหว่างกล่าวปราศรัย ในงานนายกฯพบแท็กซี่เรื่องการจงรักภักดีฯ ที่สนามกีฬาหัวหมาก เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2548 2. พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 ในรายการนายกฯทักษิณคุยกับประชาชน เรื่องการลาออกจากตำแหน่งนายกฯ 3. กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปพบประชาชน และมีการใช้ธงจงทรงพระเจริญ ขณะนี้ทางพนักงานอัยการได้สอบสวนแล้ว และมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนได้หาพยานหลักฐานเพิ่มเติม กำลังเร่งรัดอยู่

ลุยสอบบึมป่วนเมือง-กุหลาบแก้ว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวถึงกรณีการร้องเรียนอดีตนักการเมืองและญาติพี่น้องใน จ.บุรีรัมย์ กระทำผิดเกี่ยวกับการบุกรุกและครอบครองที่ดินโดยผิดกฎหมายนั้น ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วน่าเชื่อว่ามีการกระทำผิดตามคำร้องเรียน ส่วนคดีกุหลาบแก้ว พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เชื่อได้ว่านายสุรินทร์ อุปพัธกุล กระทำผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยจะเรียกนายสุรินทร์มาให้ปากคำอีกครั้งในวันที่ 3 เม.ย.นี้ ผลการสอบสวนคาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน สำหรับคดีระเบิด 9 จุด เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2549 พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ตลอดจนนำภาพจากกล้องวงจรปิดไปขยายภาพที่ประเทศแคนาดา ตอนนี้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหา 2 คดี คือคดีระเบิดข้างป้อมตำรวจจราจรแยกสะพานควาย และคดีระเบิดบนเมเจอร์รัชโยธิน และตั้งเงินรางวัลให้กับผู้ที่ชี้เบาะแสคนร้ายจำนวน 1 ล้านบาท ขณะนี้มีการแจ้งเบาะแสมา 300 กว่าราย เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบแล้วแต่ก็ยังไม่ตรงกับผู้ต้องหาที่ออกหมายจับ ในสัปดาห์หน้าจะมีการออกหมายจับได้อีก 1 คน โดยคนนี้รู้ชื่อและที่อยู่ชัดเจน เราจะพยายามจะดำเนินการเรื่องนี้ให้รวดเร็ว ด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย

อสส.ติงอย่าพาดพิงเบื้องสูงบ่อย


นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด กล่าวว่า การดำเนินการอดีตนายกฯที่กล่าวกับคนขับแท็กซี่ ที่อินดอร์สเตเดียมก็ดี หรือการออกรายการนายกฯทักษิณพบประชาชน หรือที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีการใช้ ผ้าคาดศีรษะ ใช้ธงทรงพระเจริญ ทาง สตช.และสำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาร่วมกัน ขณะนี้การสั่งคดียังไม่สิ้นสุด เพราะในสำนวนสอบสวนคดีมีข้อความที่มีการกล่าวอ้างยังไม่ตรงกัน สำนักงานอัยการสูงสุดได้ขอให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบเทปว่าทางช่อง 11 อัดเทปรายการไว้ แล้วถ้อยคำที่พูดกล่าวอ้างพาดพิงต่อการหมิ่นเหม่ในการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีการกล่าวอ้างไว้อย่างไร ในฐานะที่ตนเป็น อสส.ก็ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง เราไม่อยากเห็นการกระทำซ้ำ ไม่อยากเห็นการกระทำที่กระทบกระเทือนต่อเบื้องพระยุคลบาท ซึ่งคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวผลออกมาคือการยกฟ้อง เพราะการนำสืบในศาลต้องมีการพูดประเด็นเหล่านี้ ซึ่งเราไม่ควรไปแตะต้องให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ที่ผ่านมา พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ได้พูดเรื่องคดีหมิ่นฯไว้ พวกเราคงได้ฟัง ความจริงเรื่องนี้เราอย่าไปพูดมาก รอ ผลการสั่งคดีออกมาก่อน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเทปโทรทัศน์ด้วย

สนธิ ย้ำเลือกตั้งตามกำหนดเวลา

จากนั้น พล.อ.สนธิได้กล่าวสรุปผลงาน คมช. ในรอบ 6 เดือนว่า คำชี้แจงวันนี้ประจักษ์ชัดว่าเรามุ่งทำงานเพื่อความสำเร็จและตามวัตถุประสงค์อย่างจริงจัง ซึ่งผลของการชี้แจงเชื่อว่าผู้ที่รับฟังอยู่คงจะประจักษ์ชัดถึงความมุ่งมั่นในการทำงาน และคงทำให้พี่น้องประชาชนมีความเชื่อมั่นในการทำงานทุกขั้นตอนของ คมช. และผลสัมฤทธิ์ออกมาโดยองค์กรต่างๆ ซึ่งมีอิสระในการทำงานในแต่ละส่วนที่เกี่ยวข้อง นำไปสู่ความสำเร็จของงาน 4 ประการ ที่ทาง คมช. กำหนดเป็นวัตถุประสงค์

ขอยืนยันว่าเราจะมีการเลือกตั้งตามกำหนดเวลา และมีความเป็นธรรมทุกประการ นำไปสู่ประชาธิปไตยที่พวกเราต้องการ ถึงแม้ว่ารัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ จะไม่บรรลุวัตถุประสงค์ อย่างไรก็ตาม หากประชาชนทุกคนหันมามีส่วนร่วมกำกับดูแลการทำงานของภาครัฐมาก ผมเชื่อว่าประชาธิปไตยจะเป็นไปตามแนวทางที่เราต้องการ เราทุกคนต้องระลึกและยึดมั่นเสมอว่าเรามีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นจุดศูนย์รวมในการที่จะทำงานรวมกัน และจะผนึกจิตสำนึกของคนในชาติ นำไปสู่ความยิ่งใหญ่ของคนในชาติ พล.อ.สนธิกล่าว

เสียงแปร่งๆเรื่องสืบทอดอำนาจต่อ

เมื่อถามถึงจุดยืนและเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของประธาน คมช. ที่จะไม่สืบทอดอำนาจหรือดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเฉพาะการเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิหัวเราะก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า ถามสูงไปหน่อย ผมเป็นคนไทยคนหนึ่ง รักชาติบ้านเมือง คิดว่าอยากจะทำอะไรให้ชาติบ้านเมืองเข้มแข็งก็จะทำ เมื่อถามย้ำว่า ทำไมถึงตอบเช่นนั้น พล.อ.สนธิตอบว่า อ้าวก็อยากให้ตอบอย่างนี้ไม่ใช่หรือ เมื่อถามว่า ไม่เกรงว่าจะทำให้ ประชาชนสับสนหรืออย่างไร พล.อ.สนธิไม่ตอบพร้อมชูกำปั้นก่อนจะตอบเบาๆว่า มั่นใจ

เมื่อถามว่า จะป้องกันอย่างไรเพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่เริ่มทยอยเข้ามามีการปะทะกันและเกิดกรณีซ้ำซากเหมือนในอดีต พล.อ.สนธิตอบว่า เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในได้ประสานงานกันระหว่าง คมช. กอ.รมน. ตำรวจ และกองทัพภาคที่ 1 ผู้ว่าฯ กทม. โดยหารือว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้สถานการณ์เป็นไปโดยความเรียบร้อยและเน้นทำความเข้าใจกัน เพราะทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน หากเรามีเจตนาที่ต้องการดูแลประเทศชาติให้เกิดความสงบเรียบร้อย และเข้าใจในเจตนาซึ่งกันและกัน คิดว่าเหตุการณ์ข้างหน้าไม่น่าจะมีอะไร

อภิสิทธิ์ ไม่กล้าให้คะแนน คมช.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแถลงผลงานครบ 6 เดือนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ว่า ภารกิจหลักที่ คมช. และรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ คือการปฏิรูประบอบประชาธิปไตย ที่ถือเป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหาร อย่างไรก็ตามไม่อยากประเมินว่าหากคะแนนเต็มร้อย จะให้คะแนนการทำงานของ คมช.กี่คะแนน แต่เห็นว่า คมช.มีความตั้งใจในการทำงาน และทุกอย่างก็มีความคืบหน้า ทั้งนี้ 6 เดือนที่เหลือเห็นว่าเป็นเรื่องที่ คมช.และรัฐบาลต้องทำงานร่วมกัน คือเรื่องความมั่นคงในประเทศเป็นหน้าที่ของ คมช.ที่ต้องช่วยเหลือรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการแก้ปัญหาไฟใต้ ขณะที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า หากประชาชนมีความรู้สึกว่าได้รับความกระทบ ทั้งเรื่องความมั่นคงในชีวิตและปากท้อง ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างแน่นอน และ หากปัญหาทั้งสองนี้ไม่ได้รับการแก้ไขในเวลาอันใกล้ ย่อมกระทบกลายเป็นปัญหาการเมืองในที่สุด ส่วนเมื่อรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วจะมีการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นได้ว่าจะมีการเลือกตั้งในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ทุกฝ่ายจึงต้องให้ความร่วมมือและรณรงค์ เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่าจะได้ประชาธิปไตย

สนช.เตือน คมช.ระวังเจอก้อนอิฐ


นายอรรคพล สรสุชาติ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) แถลงภายหลังการประชุมว่า การเสนอกฎหมายของรัฐบาลในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานั้น พบว่าเป็นไปด้วยความล่าช้า มีเพียง 53 ฉบับ ช่วงที่เหลือ สนช.จะเร่งรัดให้รัฐบาลเสนอกฎหมายให้มากกว่านี้ ส่วนความคืบหน้าที่ สนช.จะเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายรัฐบาลโดยไม่มีการลงมตินั้น ขณะนี้กำลังร่างญัตติอยู่ และจะรวบรวมรายชื่อ สนช.ให้ได้ 100 คน เพราะเห็นว่าผลงานของรัฐบาลในรอบ 6 เดือน ยังไม่คืบหน้าเป็นรูปธรรมและมีปัญหาหลายเรื่อง คาดว่าจะได้อภิปรายต้นเดือน เม.ย.นี้ ส่วน คมช.เท่าที่ติดตามมีผลงานอยู่ในระดับหนึ่ง หากให้ คะแนนแค่สอบผ่าน สถานการณ์ในอนาคตจะเข้มข้นกว่านี้ โดยเฉพาะคนที่อยู่ตรงข้ามกับ คมช.จะเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ ดังนั้น คมช.ต้องเร่งผลงานของตัวเอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน และลบข้อครหาที่จะสืบทอดอำนาจ อย่าให้เหมือนการรัฐประหารที่ผ่านมา ที่ช่วงแรกได้รับดอกไม้ตอนสุดท้ายจะได้รับก้อนอิฐแทน

แก้วสรร ฟันทุจริตบ้านเอื้อฯเพิ่ม

ทางด้านความคืบหน้าในการตรวจสอบทุจริตรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร วันเดียวกัน นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบโครงการบ้านเอื้ออาทร กล่าวว่าภายในเดือน มี.ค.นี้ จะเสนอผลการตรวจสอบโครงการบ้านเอื้ออาทรโครงการอื่นให้ที่ประชุมใหญ่ คตส. เพื่อตั้งอนุกรรมการไต่สวนเพิ่มอีก 1 คดี ซึ่งมีกระบวนการทุจริตโดยก่อคดีพิสดารไว้คดีหนึ่ง คือคดีโครงการร่มเกล้า-บางพลี ที่กลุ่มผู้ทุจริตได้สมคบกันซื้อที่ดินของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ที่มีราคาที่ดินจริงเพียง 410 ล้านบาท แต่ซื้อในราคา 600 ล้านบาท พร้อมทั้งแปลงโครงการนี้ เป็นการจ้างเหมาเบ็ดเสร็จมูลค่า 4,895 ล้านบาท แล้วนำกลับมาขายคืนการเคหะฯ โดยพอกส่วนต่างๆ ซ่อนไว้ ประมาณ 387 ล้านบาท แบ่งเป็นผลกำไรเอกชน 197 ล้านบาท หรือ 12% และเป็นกำไรที่ดินเข้าการเคหะฯ 190 ล้านบาท โดยผู้บริหารของ กคช.ได้นำรายได้จากการขายที่ดินทั้งหมดไปกล่าวอ้างทางบัญชี แบ่งเป็นโบนัสให้พนักงานโดยมิชอบจำนวน 52 ล้านบาท ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้รับการยืนยันจากคนภายใน กคช.เอง

กำไรงามเลยแบ่งเอกชนร่วมงาบ

นายแก้วสรรกล่าวว่า โครงการบ้านเอื้ออาทรทั่วประเทศที่มีการทุจริต ส่วนใหญ่เป็นการแบ่งโควตาให้ บริษัทก่อสร้างเข้ามารับเหมาแบบเบ็ดเสร็จ หลังจากหาที่ดินในราคาถูก ถือเป็นวิวัฒนาการขั้นสูงสุดของกระ-บวนการทุจริต โดยสัญญาเหมาเบ็ดเสร็จที่นำเป้าหมายที่เหลือทั้งหมดมาประกาศแบ่งสันให้เอกชนมาแบ่งปันกันไปในราคาตายตัวหน่วยละ 4.2 แสนบาท โดยไม่มีการตรวจสอบราคาประเมินที่ดิน ซึ่งเปิดช่องให้พอกส่วนต่างราคาที่ดินเต็มที่ ทั้งที่ไม่มีคนจองจริง แต่เป็นการสร้างความต้องการเทียม โดยการซื้อบัตรประจำตัวประชาชนของชาวบ้านเพื่อให้มีการตั้งโครงการ กำไรที่เห็นชัดเช่นนี้ คือจุดดึงดูดใจให้เกิดกระบวนการเจรจาแบ่งสันโควตาให้แก่บริษัทต่างๆ อย่างรวบรัดไร้หลักเกณฑ์ แล้วจ่ายเงินล่วงหน้า 15% ของมูลค่างาน นำมาซึ่งข้อครหาไปทั่ววงการว่าเป็นสัญญาที่นักการเมืองได้ออกแบบ เพื่อเรียกค่าหัวคิวทั้งโครงการที่เหลืออยู่ 4.2 แสนหน่วย ในราคาหน่วยละ 1-1.5 หมื่นบาท ในที่สุด ซึ่งคณะอนุกรรมการฯมีปากคำพยานยืนยันถึงการเรียกร้องค่าหัวคิวนี้อยู่ 1 โครงการ

เผยถูกยึดอำนาจยังบังอาจสอดไส้

นายแก้วสรรกล่าวว่า ผลประโยชน์ที่ได้จากสัญญาเทิร์นคีย์เหมาโควตานี้ มีมูลค่าสูงกว่าสัญญาเทิร์นคีย์ เฉพาะโครงการมาก กลุ่มผู้ทุจริตจึงสมคบกันเปิดโอกาสให้ผู้รับเหมาทั้ง 10 โครงการ มีสิทธินำที่ดินแปลงเดิมมาปรับปรุงเป็นข้อเสนอเข้าสู่ระบบใหม่ แล้วเพิ่มราคา ลงไปในที่ดินแปลงเดิม ได้ราคาต่อหน่วยเพิ่มขึ้นอีก รวมคิดเป็นเงินที่รัฐต้องจ่ายซื้อโครงการเดิมในราคาใหม่ ในคุณภาพที่ต่ำกว่าเดิมทั้ง 10 โครงการ ประมาณ 500 ล้านบาท โดยกลุ่มผู้ทุจริตยังพยายามทุจริตอย่างถึงที่สุด แม้ จะเกิดรัฐประหารแล้ว ก็ยังบังอาจประชุมคณะกรรมการ กลั่นกรอง และคณะกรรมการการเคหะฯ เพื่ออนุมัติให้แปลงโครงการจนนาทีสุดท้าย ซึ่งความผิดในส่วนนี้เรียกว่าคดี แปลงโครงการโดยทุจริต ยังอยู่ระหว่างรอตรวจสอบ เพราะกำลังเจ้าหน้าที่ที่ตนดูแลอยู่ไม่เพียงพอ หากจะทำกันจริงต้องตั้งเป็นกองบังคับการถึงจะสาวพบทุกโครงการ เห็นได้ชัดจากโครงการคลองถนนที่มีการอนุมัติเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2548 เดิมสร้าง 2,917 ยูนิต ในพื้นที่ 80 ไร่ เฉลี่ย ต่อยูนิตอยู่ที่ 415,600 บาท โดยซื้อที่ดินไร่ละ 3 ล้านบาท จากนั้นมีการแปลงโครงการในวันที่ 27 ก.ย. 49 โดยเพิ่มบ้านเป็น 3,909 ยูนิต ในพื้นที่ 78.3 ไร่ มีการเพิ่มราคาบ้านต่อหน่วยเป็น 420,000 บาท และเพิ่มราคาที่ดินขึ้นเป็นไร่ละ 3.3 ล้านบาท

วัฒนา หายตัว ไพบูลย์ รับหน้าเสื่อ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ติดต่อโทรศัพท์นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากนายวัฒนาได้ปิดโทรศัพท์ มือถือ และจากการไปตรวจสอบที่หมู่บ้านสินเกล้า ย่านพัฒนาการของนายวัฒนา แม่บ้านได้แจ้งผ่านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่า นายวัฒนาไม่อยู่บ้านมาหลายวันแล้ว

นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกฯและ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงกรณีที่คตส.ชี้มูลความผิดโครงการบ้านเอื้ออาทรว่า ยังไม่เห็นรายละเอียด ตอนนี้ก็ขอให้นายพลเดช ปิ่นประทีป รมช.พัฒนาสังคมฯ ดูแลงานของกระทรวงเป็นหลัก รวมทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับโครงการบ้านเอื้ออาทรด้วย และการเคหะแห่งชาติก็มีคณะกรรมการฯอยู่แล้ว ส่วนกรณีทุจริต นั้นก็เป็นการดำเนินการของ คตส. รัฐมนตรีเข้าไปเกี่ยวข้องคือในฐานะกำกับดูแลการเคหะฯ ก็มีคณะกรรมการดูแลอยู่แล้ว โดยการทำงานจะเน้นหนักไปในเรื่องการแก้ปัญหาของโครงการที่ล่าช้าและติดขัด ทั้งนี้ หน้าที่ในการร้องทุกข์กล่าวโทษนั้น ถ้าเกี่ยวข้องอย่างไร การเคหะฯก็คงเป็นฝ่ายดำเนินการ

พลเดช คาดแล้วบ้านเอื้ออาทรต้องผิด

นพ.พลเดช ปิ่นประทีป รมช.พัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า ผลการสอบบ้านเอื้ออาทรว่าทุจริตไม่ใช่เป็นสิ่งที่เกินความคาดคิด เพราะมีแนวโน้มว่าเป็นแบบนี้ และเข้าใจว่า ทาง คตส.จะประกาศทุกสัปดาห์ ส่วนท่าทีและจุดยืนของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เห็นว่าเรื่องนี้สำคัญพร้อมให้การสนับสนุน คตส.อยู่แล้ว ผลที่ออกมาก็ต้องดำเนินการทางกฎหมาย ปล่อยให้เรื่องนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ในส่วนของนักการเมืองต้องขึ้นกับศาลอาญาสูงสุดของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนที่ไม่ใช่นักการเมืองก็ขึ้นกับศาลสถิตยุติธรรม สำหรับในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการการเคหะแห่งชาติ ตรงนี้ต้องดูผลตรวจสอบทางกระทรวงฯจะให้ความเป็นธรรม แยกแยะข้าราชการว่ามีส่วนสมคบคิดในการมีส่วนร่วมในการคอรัปชัน หรือตกอยู่ในภาวะจำยอม ต้องใช้หลักนิติธรรมและเมตตาธรรม ซึ่งต้องว่ากันตามชั้นความผิดโดยใช้มาตรการบริหารทางวินัยเข้ามาดำเนินการ โทษสูงสุดคือ การไล่ออก แต่หากไม่มีหลักฐาน มีเพียงข้อครหา ก็อาจจะใช้การโยกย้าย หรือตัดเงินเดือน

บอร์ดการเคหะฯเตรียมลงดาบเชือดซ้ำ

คาดว่าสัปดาห์หน้า ทาง คตส.คงจะแถลงผลการสอบอีก เท่าที่ทราบมีข้าราชการทั้งในอดีตและปัจจุบันที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน ถ้าเกี่ยวข้องกับข้าราชการปัจจุบัน แม้ไม่มีหลักฐาน ไม่มีใบเสร็จแต่มีมลทิน ก็คงไม่เว้น โดยทางบอร์ดของการเคหะแห่งชาติจะพิจารณาสอบอีกที แต่หลักฐานทาง คตส.ก็หนักแน่นพอที่จะลงโทษแล้ว ส่วนปัญหาของบ้านเอื้ออาทรนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชน ที่มาจอง ผู้รับเหมา รับจ้าง รวมถึงตัวองค์กรการเคหะแห่งชาติ ที่ต้องเข้ามารับภาระนั้น ทางบอร์ดการเคหะฯชุดปัจจุบันได้มี แนวทางแก้ปัญหาทุกระดับ เช่น ถ้าบ้านสร้างเสร็จไม่มีคนเข้าอยู่ เพราะติดเงื่อนไขการกู้ คงต้องแก้ตรงหลักเกณฑ์ ส่วนที่มีดีมานด์เทียม ไม่มีคนต้องการบ้านอย่างที่เสนอ การเคหะฯต้องรับภาระทำแคมเปญในการขาย ในส่วน 2 แสน 2 หมื่นยูนิต ที่ยังไม่ได้เริ่มทำสัญญาผู้รับเหมา ประชาชนยังไม่ได้ผ่อนก็จะต้องชะลอโครงการ นพ.พลเดชกล่าว

ป.ป.ช.ตั้งทีมสอบ ทิพาวดี ทุจริต

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน 3 ชุด ได้แก่ 1. คณะกรรมการไต่สวนคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เมื่อสมัยดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กับพวก ร่วมกันคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนักบริหารระดับ 9 โดยมิชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของราชการ หรือมติ ครม. โดยมีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน 2. คณะอนุกรรมการไต่สวนนายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กับพวก ทุจริตการทำสัญญาเช่าและจัดหาดำเนินการระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักงานประกันสังคม มีนายภักดีเป็นประธานอนุกรรมการ 3. คณะอนุกรรมการไต่สวนนายรองพล เจริญพันธุ์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) ข้อหาออกประกาศรายชื่อคณะกรรมการสรรหา กสช. และดำเนินการสรรหาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย มี น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์