ดีเอสไอสรุปสำนวนเห็นควรสั่งฟ้อง อภิสิทธิ์-สุเทพ กรณีการเสียชีวิตของประชาชนในเหตุรุนแรงปี53
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ดีเอสไอสรุปสำนวนเห็นควรสั่งฟ้อง อภิสิทธิ์-สุเทพ กรณีการเสียชีวิตของประชาชนในเหตุรุนแรงปี53
นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ
เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เป็นประธานการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ดีเอสไอ ตำรวจ และพนักงานอัยการคดีพิเศษ เพื่อสรุปสำนวนคดีการเสียชีวิตของประชาชนในเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.2553 ใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเสร็จสิ้น
โดย นายธาริตแถลงว่า ผลการประชุมคณะพนักงานสอบสวนทั้ง 3 ฝ่ายในวันนี้ ต่างเห็นพ้องกันว่าการสอบสวนคดีนั้นได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ส่วนอีก 2 ความเห็น เป็นความเห็นของพนักงานสอบสวน คือ ตำรวจและดีเอสไอ เห็นว่าเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าการตายของ นายพัน คำกอง คนขับแท็กซี่ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ และการบาดเจ็บสาหัสของนายสมร ไหมทอง คนขับรถตู้ เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหาร ภายใต้คำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ซึ่งมีผู้ต้องหา 2 คน คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และผอ.ศอฉ. ขณะนั้น ได้เป็นผู้กำหนดนโยบายและตัดสินใจในการออกคำสั่ง
พฤติการณ์จึงเป็นการก่อให้เจ้าหน้าที่ภายใต้การบังคับบัญชา ไปปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะที่ผู้ต้องหาและบุคคลทั่วไป ย่อมคาดหมายหรือเล็งเห็นผลได้อยู่แล้ว ว่าจะเกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บของผู้ชุมนุม เมื่อมีการตายเกิดขึ้น การกระทำของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ จึงเข้าลักษณะเป็นความผิดอาญา ฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าคนตาย โดยเจตนาเล็งเห็นผล โดยพยานหลักฐานที่ได้รวบรวมมา มีน้ำหนักพอฟ้อง จึงเห็นสมควรสั่งฟ้อง
นายธาริตกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีเจ้าพนักงานทหาร ผู้ลงมือกระทำแม้ข้อเท็จจริงฟังเป็นข้อยุติว่าสาเหตุการตาย เกิดจากเจ้าหน้าที่ทหารขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่การสอบสวนยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เป็นการกระทำของทหารรายใด ด้วยเหตุที่สภาพพื้นที่และข้อจำกัดขณะเกิดเหตุเกิดความไม่เรียบร้อยของบ้านเมือง อยู่ในขณะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง ทหารกำหนดเขตพื้นที่ห้ามเข้า พนักงานสอบสวนจึงไม่อาจเข้าไปเก็บพยานหลักฐาน ยึดอาวุธปืนของกลางตรวจหาพยานวัตถุต่างๆ หรือตรวจที่ทางอันจะสามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้อย่างกรณีปกติทั่วไป ทั้งพฤติการณ์ของเจ้าพนักงาน เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งศอฉ. อาจเข้าลักษณะเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่สั่งการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ซึ่งเชื่อไปโดยสุจริตใจว่าเป็นคำสั่งโดยชอบและมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ทหารจึงได้รับการยกเว้นโทษ ตามมาตรา 70 ในชั้นนี้เห็นสมควรสั่งไม่ฟ้อง
ดีเอสไอจึงกำหนดวันเรียกนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ พบพนักงานสอบสวน เพื่อส่งตัวให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษ ในวันพุธที่ 26 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. นายธาริตกล่าว
วันเดียวกัน ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.นครสวรรค์ พรรคเพื่อไทย นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดงกลุ่มต่างๆ อาทิ นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษก นปช. นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ประธานชมรมเสียงสตรี นายสุทิน คลังแสง นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำเสื้อแดงปทุมธานี เข้าร่วมวงเสวนาประชาธิปไตย หัวข้อ ต่อต้านอำนาจนอกระบบ ปกป้องรัฐบาลประชาธิปไตย โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงเข้ารับฟังกว่า 100 คน ร่วมแสดงความคิดเห็นในการหาทางออกต่อสถานการณ์การเมือง ที่มีผู้พยายามจะล้มรัฐบาลในขณะนี้
โดยในเวทีเสวนาได้ข้อสรุป ว่า ที่ประชุมมีมติร่วมกัน ว่าจะเปิดเวทีปราศรัยทั่วประเทศ เพื่อแสดงพลังต่อต้านอำนาจนอกระบบ ที่จะมาล้มล้างรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 400 เวที โดยจะร่วมมือกับกลุ่มคนเสื้อแดงทุกกลุ่มทั่วประเทศร่วมแสดงพลังในครั้งนี้ ก่อนที่จะมาแสดงพลังกันที่กทม.ในโอกาสต่อไป
นายวรชัยกล่าวว่า ที่ประชุมมีแนวคิดจัดตั้ง 100 เวทีทั่วประเทศ เพื่อแสดงจุดยืนในการต่อต้านอำนาจนอกระบบ ทำลายรัฐบาลประชาธิปไตย รวมถึงยังยืนยันไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย โดยในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะตั้งเวทีครั้งแรกที่จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี จ.สมุทรปราการตามลำดับ นอกจากนี้ จะระดมประชาชน 1 ล้านคน พร้อมแกนนำนปช. รวมตัวครั้งใหญ่ที่กทม. ก่อนเปิดสมัยประชุมสภาสามัญทั่วไป เพื่อหาแนวทางปกป้องรัฐบาล และจะทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมด้วย เพราะวันนี้ฝ่ายตรงข้ามเริ่มใช้วิธีนำมวลชนมาเล่นคนละหน้ามากขึ้นแล้ว โดยนำมวลชนรวมเป็นกลุ่มๆ แยกกันต่อต้านรัฐบาล อาทิ ม็อบสนามหลวง เพื่อสร้างเงื่อนไขสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงคดีการเสียชีวิตของการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ของกำลังพลกองทัพบก ว่า มีอยู่ด้วยกัน 2 ลักษณะคือ ในส่วนแรกคดีการไต่สวนคดีชันสูตรพลิกศพ เจ้าหน้าที่ทหาร จะต้องถูกเชิญไปให้ปากคำในฐานะพยาน ซึ่งเป็นภาระเพิ่มเติมของกำลังพล นอกเหนือจากงานในหน้าที่หลัก จึงให้ตั้งคณะกรรมการดูแลอำนวยความสะดวกให้ทั้งในเรื่องข้อมูลและเรื่องทางธุรการ เพื่อแบ่งเบาภาระให้กับกำลังพล ปัจจุบันศาลได้มีคำสั่งการเสียชีวิตไปแล้วในหลายคดีหลากหลายผลสรุป แม้ผลสรุปของคำสั่งฯ จะไม่กระทบต่อตัวเจ้าหน้าที่ทหาร ผู้ปฏิบัติด้วยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายก็ตาม แต่เกรงจะเกิดมุมมองเชิงลบจากการคาดเดาของสังคมที่อาจจะมีต่อทหาร จึงต้องขอเพิ่มเติมเสนอข้อมูลให้เป็นระยะๆ ตามความจำเป็น
พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า ในส่วนที่สองคือเรื่องคดีที่เจ้าหน้าที่ทหารถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ในฐานะผู้เสียหาย กองทัพบกยังติดตามและให้ความสำคัญมาตลอด มีการตั้งคณะทำงานด้วยเช่นกันเพื่อประสานงานกับครอบครัวญาติกำลังพล และติดตามความคืบหน้ากับเจ้าพนักงานที่รับผิดชอบในคดีฯ ซึ่งในวันนี้ก็จะมีความคืบหน้าเพิ่มเติมสำหรับคดีฯ ของ ส.อ.อนุสิทธิ์ จันทร์แสนตอ สังกัด ม.พัน.3 รอ. ที่ถูกยิงด้วยเอ็ม 79 เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 และที่บริเวณสวนหย่อมข้างรั้วสวนลุมพินี ติดแยกราชดำริ จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต และมีกำลังพลของ ม.พัน.3 รอ. อีกหลายนายพร้อมกับนักข่าวแคนาดาชื่อ ฌองเลร์ ว็องแบร์กริฟต์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส
รองโฆษกกองทัพบกกล่าวว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมกับ สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และของกองทัพบก ได้นำพยาน คือ ส.อ.ชนุตร์ อุ่นอบ สังกัด ม.พัน.3 รอ. ซึ่งเป็นผู้ที่พบและถ่ายภาพปลอกกระสุน เอ็ม 79 จำนวน 3 ปลอก ได้บริเวณเกาะกลางถนนใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสราชดำริ ถ.ราชดำริ ไปชี้จุดที่พบและถ่ายภาพ นอกจากนั้น ยังได้นำ จ.ส.อ.ณรงค์ เกตุศรี สังกัด ม.พัน.3 รอ. ไปชี้ยืนยันจุดที่เป็นร่องรอยของกระสุนปืนเล็กยาว บริเวณเสาตอม่อ ใกล้สามแยกราชดำริ ซึ่งจ.ส.อ.ณรงค์เห็นผู้ติดอาวุธในพื้นที่ชุมนุมยิงใส่แล้วพลาดไปถูกเสาไฟ เพื่อจะได้นำไปประกอบสำนวนคดีฯ
จากที่ไปชี้ตรวจดูจุดที่พบปลอกกระสุน เอ็ม 79 และร่องรอยของกระสุนปืนก็ยืนยันได้ชัดเจนว่าน่าจะเป็นจุดที่มีการยิงอาวุธ ออกไปยังจุดบริเวณที่ ส.อ.อนุสิทธิ์และกำลังเจ้าหน้าที่ทหารปฏิบัติหน้าที่จนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าในพื้นที่บริเวณถนนราชดำรินี้ มีกลุ่มบุคคลอื่นที่ไม่หวังดีใช้อาวุธปืนและอาวุธสงครามกระทำต่อเจ้าหน้าที่และประชาชน พ.อ.วินธัยกล่าว
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!