ปชป. มั่นใจ รัฐ ไม่ลดราคา “จำนำข้าว” เพราะเงินจะเข้ากระเป๋านักการเมืองน้อยลง เชื่อ ดันเดินหน้าจนกว่าประเทศจะล่มสลายคามือ “ยิ่งลักษณ์” จับโกหกก.พณ.บิดตัวเลขขาดทุน ดักคอ “บุญทรง” ยืดสรุปตัวเลข 17 มิ.ย. แค่ต่อลมหายใจ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่ยังขาดความชัดเจนในเรื่องของตัวเลขการขาดทุนโครงการรับจำนำข้าว ว่า ถือเป็นการประชุมเพื่อหาทางออกให้กับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ และรัฐบาล ในการบิดเบือนตัวเลขโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เข้าร่วมประชุมทั้งๆที่เป็นประธานกขช.
จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า รัฐบาลพยายามที่จะสละเรือโครงการรับจำนำข้าว เพื่อหลีกเลี่ยงหาผู้รับผิดชอบ
ส่วนที่นายบุญทรง ระบุว่าตัวเลขโครงการรับจำนำข้าว ยังไม่ตรงกัน และจะมีการรายงานอีกครั้งในวันที่ 17 มิ.ย.นั้น ตนเห็นว่า เป็นเพียงการซื้อเวลา และต่อลมหายใจให้กับนายบุญทรง อย่างไรก็ตามตัวเลขของกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ที่มีการรายงานที่แตกต่างกันนั้น เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ ไม่นับรวมข้าวที่อยู่ในสต็อกรัฐบาล แต่จะคิดเฉพาะข้าวที่ซื้อเข้ามา และระบายออกไป
ขณะที่กระทรวงการคลังคิดข้าวที่มีอยู่ในสต๊อกรัฐบาล นำมาหักตามราคาตลาด แต่เมื่อมีการหักลบตัวเลขขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวออกมา ก็อยู่ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน คือ กระทรวงการคลัง ตัวเลขขาดทุนอยู่ที่ร้อยละ 70 และตัวเลขขาดทุนของกระทรวงพาณิชย์ อยู่ที่ร้อยละ 50
“วันนี้ทุกฝ่ายยอมรับแล้วว่า โครงการรับจำนำข้าว ขาดทุน 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่เป็นจริง และนับวันจะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งภาระการจัดเก็บข้าว และการเสื่อมสภาพของข้าว ซึ่งคาดว่า จะเป็นภาระให้ประเทศไทยในอีก 3-4 ปีข้างหน้า และนักการเมืองก็จะกวาดเงินเข้ากระเป๋าจากภาษีของประชาชน โดยที่ชาวนาจะได้รับเงินเพียง 30เปอร์เซ็นต์ของโครงการ”นายชวนนท์ กล่าว
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ระบุจะลดราคาจำนำข้าว ให้เป็นไปตามกลไกตลาด
ถ้าเป็นอย่างนั้นจะมีโครงการรับจำนำข้าวไปทำไม ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดจะดีกว่า และพรรคประชาธิปัตย์ เห็นด้วยกับการปรับราคาลงมา เพราะเป็นการปิดช่องการทุจริต และไม่เสียธุรกิจการค้าข้าวของประเทศ แต่เชื่อว่า สุดท้ายแล้วแนวคิดนี้ก็จะไม่ได้รับการตอบสนอง เพราะโครงการนี้สูญเสียภาษีประชาชนเข้ากระเป๋านักการเมือง ไม่ต่ำกว่า 2แสนล้านบาท ผู้มีอำนาจในโครงการนี้ จึงไม่ปล่อยให้โครงการนี้ล้ม หรือปรับตัวเลขให้จำนวนเงินที่จะเข้ากระเป๋านักการเมืองลดน้อยลง ตนสงสัยว่าสุดท้ายโครงการนี้จะถูกผลักดันให้เดินหน้าต่อ จนกว่าประเทศจะล่มสลายคามือน.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่