ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรมว.คลัง และอดีตผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยในงานสัมมนาไทยพับลิก้า ฟอรั่ม เรื่อง “งบแผ่นดิน เงินของเราเขาเอาไปทำอะไร” ว่า
สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือ วินัยทางการคลัง โดยเฉพาะการใช้เงินนอกงบประมาณ ซึ่งรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศที่คิดเรื่องการกู้เงินนอกงบประมาณมาใช้ และการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทก็ถือเป็นการแหกวินัยทางการคลังครั้งใหญ่ที่สุด แม้จะช่วยการลงทุนประเทศได้ แต่ก็เป็นอันตราย ถ้ารัฐบาลใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
“คำถามคือท่านเป็นรัฐบาลแรกที่กู้เงินนอกงบประมาณออกมา เราจะรู้ได้อย่างไรว่ารัฐบาลต่อ ๆ ไปจะไม่ใช่วิธีนี้อีก เป็นการแหกวินัยทางการคลังที่ไม่ดีเลย ทำยังไงเมื่อพรรคอื่นมาก็ต้องทำแบบนี้ หรือถ้าท่านกลับมาก็ทำแบบนี้อีก ประเทศชาติจะเอาอะไรเป็นตัวล็อก ทั้งที่สมัยก่อนอยู่ได้โดยไม่ต้องกู้เงินนอกงบประมาณ ใครเข้ามาก็ทำเรื่อย ๆ แล้วประเทศชาติจะอยู่ได้อย่างไร”
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ควรมีการออกกฎหมายเพื่อไม่ให้รัฐบาลใดก็ตามใช้เงินนอกงบประมาณโดยง่าย ไม่เช่นนั้นนักการเมืองก็จะตั้งหน้าตั้งตาหาเสียง พรรคการเมืองเร่งทำผลงานจนประเทศซวนเซ
ถึงเวลาที่ควรมีกฎเกณฑ์การใช้เงินนอกประมาณอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าหนี้สาธารณะจะต้องเกิน 50% ในไม่ช้านี้“เป็นไปได้หรือไม่ ตอนออก พ.ร.บ.การเงินการคลังให้ใส่เรื่องนี้เข้าไปด้วย อย่างน้อยก็เป็นการปกป้องประเทศชาติ ให้ไปถึงจุดที่มีกฎหมายคุมการกู้เงินนอกงบประมาณ”
อดีตรมว.คลัง กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง 4 สาย ได้แก่ กรุงเทพ-เชียงใหม่ วงเงิน 3.8 แสนล้านบาท กรุงเทพ-หนองคาย วงเงิน 1.7 แสนล้านบาท กรุงเทพ-ปาดังเบซาร์ วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท และสุวรรณภูมิ- ชลบุรี-พัทยา-ระยอง วงเงิน 1 แสนล้านบาท รวม 4 สายประมาณ 7 แสนล้านบาท จากงบลงทุนรวม 2 ล้านล้านบาท เพราะเชื่อว่าจะไม่มีผู้โดยสารใช้บริการ เนื่องจากบางเส้นทางอย่างกรุงเทพ-เชียงใหม่ ก็มีสายการบินต้นทุนต่ำให้บริการ ค่าเครื่องบินถือว่าถูก และรวดเร็วกว่านั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่อาจกินเวลา 3 ชั่วโมง
“เราไม่มีเงินถุงเงินถังก็ต้องดูความคุ้มค่า ถ้าเสียหายไม่มีใครขึ้นเหมือนแอร์พอร์ตลิงก์ใครรับภาระ ก็พวกเราทั้งนั้น ถ้าผมมีอำนาจพอผมจะหยุด 4 เส้นทางนี้ เพราะเป็นสายที่นักการเมืองคิด นอกนั้นผมเห็นด้วยเพราะนักวิชาการคิด ผมท้าเลยเหมือนเรื่องข้าวที่พูดถูกมาตลอดว่าไม่คุ้มค่า”