ปชป.จี้ปูเลิกยุทธวิธีหนูไม่รู้ อย่าตัดตอนปัญหาที่พาณิชย์

ปชป.จี้ปูเลิกยุทธวิธีหนูไม่รู้ อย่าตัดตอนปัญหาที่พาณิชย์

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ของรัฐบาลว่า

ไม่วิเคราะห์ว่าจะมีการปรับหรือไม่ ไม่สนใจว่าจะปรับตำแหน่งในกระทรวงพาณิชย์หรือไม่ เพราะปัญหาอยู่ที่นโยบายจึงต้องปรับเรื่องนโยบาย และไม่เข้าใจว่า ทำไม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงไม่ดูแลปัญหาโครงการรับจำนำข้าวด้วยตัวเอง เพื่อให้ได้ข้อยุติ เพราะนับวันมีแต่ความสับสนมากขึ้น

ยิ่งช้าการตัดสินใจแก้ปัญหาความเสียหายก็จะทำได้ยากขึ้น และที่ผ่านมานายกฯก็ให้ความสำคัญกับนโยบายนี้ว่าช่วยเหลือชาวนา จึงควรจะคลี่คลายปัญหานี้ด้วยตัวเอง


“เป็นความรับผิดชอบของนายกฯโดยตรงจึงควรเข้ามาดูแลด้วยตัวเอง เพื่อให้เกิดความชัดเจนและแจ้งจุดยืนต่อประชาชนว่าจะเดินหน้าอย่างไร ถ้าทำเหมือนเดิมจะลดความเสียหาอย่างไร จะทบทวนโครงการเพื่อจะให้เห็นความรับผิดชอบที่ชัดเจน แต่ยังไม่บอกว่าประเด็นนี้เพียงพอที่จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในการประชุมสภาเดือนส.ค.หรือไม่ เพราะยังไม่ถึงเวลา”


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการับจำนำข้าวที่มีการรายงานตัวเลขขาดทุนโครงการนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็เป็นคนลงนามคำสั่งแต่งตั้งเอง

จึงไม่ทราบเหตุผลที่จะไม่รับรู้รายงานนี้ และตัวเลขทั้งในรายงานของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี และรายงานใน ครม.ก็ตรงกันว่าการขาดทุนอยู่ที่ประมาณ 2 แสนกว่าล้านบาท ดังนั้นนายกฯ จะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะมีเอกสารราชการยืนยัน และเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่หัวหน้ารัฐบาลจะต้องเรียกข้อมูลและรายงานทั้งหมดมาพิจารณาเพื่อสรุปให้ชัดว่าตัวเลขเป็นอย่างไร แต่ถ้านายกฯไม่ลงมาแก้ปัญหานี้ ก็มีความเป็นห่วงว่าเท่ากับตอนนี้ประเทศไทยมีหัวหน้ารัฐบาลที่ไม่รับผิดชอบงานสำคัญ และปล่อยให้เกิดความเสียหายไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็หนีความรับผิดชอบไม่พ้น


ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวต่อไปว่า อยากให้ได้ข้อยุติที่ชัดแจ้ง เพราะเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก และเกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจด้วย จะตัดตอนว่าเป็นปัญหาในทางปฏิบัติของกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้

เพราะเตือนมาตั้งแต่ต้นว่าปัญหาเกิดจากหลักคิดในการกำหนดนโยบาย จึงเรียกร้องว่านายกฯต้องแก้ไข แต่ถ้ายังไม่มีการปรับหลักคิดในตัวนโยบายความเสียหายจะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะข้าวจะเสื่อมคุณภาพ รัฐบาลจะมีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และยังมีปัญหาเรื่องการทำการตลาด ก็จะยากขึ้น สต็อกที่สะสมจะเพิ่มพูนจนเป็นแรงกดดันให้ราคาขายแย่ลง


ส่วนที่มีการโอนความรับผิดชอบกลับไปให้ น.ส.สุภา ปิยะจิตต์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงกรรรับจำนำข้าวที่สรุปตัวเลขขาดทุนก่อนหน้านี้ ให้กลับมาดูแลอีกครั้งหนึ่งจะถูกบีบให้เปลี่ยนแปลงตัวเลขหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มั่นใจในตัว น.ส.สุภา ว่าจะทำหน้าที่ตรงไปตรงมา เพราะไม่มีใครหนีความจริงได้ เพราะถ้าเปลี่ยนแปลงตัวเลขก็ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าของเดิมคำนวณผิดอย่างไร จึงอยากให้รัฐบาลคิดว่าข้อเรียกร้องหลายฝ่ายในขณะนี้ไม่มีเรื่องการเมืองเกี่ยวข้อง แต่เป็นความห่วงใยเรื่องการบริหารผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์