สุริยะใส” ระบุ ตร.ยิ่งเร่งปิดคดี “เอกยุทธ” ข้อสงสัยของสังคมยิ่งมีน้ำหนัก แนะรื้อทีมสอบสวนดึง “กองปราบ- ตร.สอบสวนกลาง” ทำคดี เหตุ “เฉลิม-บิ๊กแจ๊ส” เป็นคู่กรณีผู้ตาย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวตั้งข้อสังเกตถึงการทำคคีของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ว่า ตนเห็นว่าตำรวจลุกลี้ลุกลนเตรียมปิดคดีอุ้มฆ่านายเอกยุทธ เร็วเกินไป เพราะยังมีข้อพิรุธและเงื่อนปมที่น่าสงสัยหลายประเด็นและยิ่งติดตามยิ่งพบข้อเคลือบแคลงมากขึ้นเป็นลำดับว่าคดีนี้ไม่น่าจะใช่ ฆาตกรรมชิงทรัพย์ แต่อาจเป็นฆาตกรรมอำพรางโยงกับความขัดแย้งทางการเมืองและเกี่ยวข้องกับคนมีสี
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ตำรวจจะหักความรู้สึกของสังคมด้วยการปิดคดีก็ทำได้ แต่ปิดข้อสงสัยไม่ได้ โดยเฉพาะฝั่งทนายความและบรรดาญาติไม่เชื่อว่าเป็นการฆ่าเพื่อชิงทรัพย์ และเตรียมเดินหน้าพิสูจน์ข้อเท็จจริงในช่องทางอื่นๆ
งานนี้อาจจะจบที่ตำรวจสาย บช.น.แต่ทางญาติยังมีสิทธิร้องต่อกองปราบปรามที่ถูกกันออกไปให้เข้ามาร่วมสอบขยายผล หรือตำรวจสอบสวนกลางที่น่าจะมีความน่าเชื่อถือกว่านี้ และหากตำรวจรวบรัดปิดคดียิ่งทำให้สังคมสงสัยเพิ่มมากขึ้น จะห้ามสังคมคิดและกังขาไม่ได้เพราะบทบาทนายเอกยุทธ ยืนตรงข้ามรัฐบาลและเป็นคนเปิดปมกรณีอื้อฉาว ว.5 โฟร์ซีซั่น
กระบวนการสอบสวนขยายผลของคดีนี้จึงต้องสร้างความน่าเชื่อถือกว่านี้ ไม่ควรปล่อยให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีและ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. รับผิดชอบคดีโดยเด็ดขาด เพราะทั้งคู่ถือเป็นคู่กรณีกับผู้ตายด้วย“ปิดคดีได้ แต่ปิดหูปิดตา ปิดข้อสงสัยของสังคมไม่ได้ อย่าลืมว่าคดีนี้อายุความ 20 ปี เจอหลักฐานและข้อเท็จจริงใหม่ก็สามารถรื้อได้ตลอดเวลา”นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวตั้งข้อสังเกตถึงการทำคคีของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ว่า ตนเห็นว่าตำรวจลุกลี้ลุกลนเตรียมปิดคดีอุ้มฆ่านายเอกยุทธ เร็วเกินไป เพราะยังมีข้อพิรุธและเงื่อนปมที่น่าสงสัยหลายประเด็นและยิ่งติดตามยิ่งพบข้อเคลือบแคลงมากขึ้นเป็นลำดับว่าคดีนี้ไม่น่าจะใช่ ฆาตกรรมชิงทรัพย์ แต่อาจเป็นฆาตกรรมอำพรางโยงกับความขัดแย้งทางการเมืองและเกี่ยวข้องกับคนมีสี
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ตำรวจจะหักความรู้สึกของสังคมด้วยการปิดคดีก็ทำได้ แต่ปิดข้อสงสัยไม่ได้ โดยเฉพาะฝั่งทนายความและบรรดาญาติไม่เชื่อว่าเป็นการฆ่าเพื่อชิงทรัพย์ และเตรียมเดินหน้าพิสูจน์ข้อเท็จจริงในช่องทางอื่นๆ
งานนี้อาจจะจบที่ตำรวจสาย บช.น.แต่ทางญาติยังมีสิทธิร้องต่อกองปราบปรามที่ถูกกันออกไปให้เข้ามาร่วมสอบขยายผล หรือตำรวจสอบสวนกลางที่น่าจะมีความน่าเชื่อถือกว่านี้ และหากตำรวจรวบรัดปิดคดียิ่งทำให้สังคมสงสัยเพิ่มมากขึ้น จะห้ามสังคมคิดและกังขาไม่ได้เพราะบทบาทนายเอกยุทธ ยืนตรงข้ามรัฐบาลและเป็นคนเปิดปมกรณีอื้อฉาว ว.5 โฟร์ซีซั่น
กระบวนการสอบสวนขยายผลของคดีนี้จึงต้องสร้างความน่าเชื่อถือกว่านี้ ไม่ควรปล่อยให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีและ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. รับผิดชอบคดีโดยเด็ดขาด เพราะทั้งคู่ถือเป็นคู่กรณีกับผู้ตายด้วย“ปิดคดีได้ แต่ปิดหูปิดตา ปิดข้อสงสัยของสังคมไม่ได้ อย่าลืมว่าคดีนี้อายุความ 20 ปี เจอหลักฐานและข้อเท็จจริงใหม่ก็สามารถรื้อได้ตลอดเวลา”นายสุริยะใส กล่าว