21 เม.ย.56 นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า
ขณะนี้มีความเป็นห่วงพฤติกรรมในอดีตของรัฐบาลที่มาจากพรรคไทยรักไทยใน 4 ประเด็น คือ 1. การแถลงด้วยวาจาของทนายความกัมพูชาพูดชัดเจนว่า ความคิดที่เป็นต้นตอของปัญหาคือการที่กัมพูชาพยายามจะขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และรัฐบาลที่สนับสนุนคือรัฐบาลไทยรักไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไทยได้มีการคัดค้านในเรื่องนี้
2. เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลเป็นพรรคพลังประชาชน โดยมีนายนพดล ปัทมะ เป็น รมว.ต่างประเทศนั้น ก็ได้ไปลงนามแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ยินยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยทนายความกัมพูชายังกล่าวอ้างว่า แผนที่แนบท้ายในแถลงการณ์ไทยไม่ได้มีการยืนยันเรื่องเส้นสันปันน้ำ สิ่งเหล่านี้ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เพราะพรรคไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทย คือพรรคการเมืองที่มาจากต้นกำเนิดเดียวกัน
3. ในยุคที่นายนพดล เป็นรมว.ต่างประเทศ ยังย้ายนายวีรชัยออกจากตำแหน่ง อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ซึ่งถือเป็นมรสุมที่รุมเร้านายวีรชัยในชีวิตข้าราชการประจำมากที่สุด และในคำฟ้องของ ป.ป.ช.ก็ยังระบุว่า การย้ายนายวีรชัย เป็นเพราะมีบันทึกช่วยจำคัดค้านเรื่องแถลงการณ์ร่วมฯ ทำให้นายนพดลเสนอครม.ให้นายวีรชัย พ้นจากตำแหน่ง ทั้งที่นายวีรศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น ทักท้วง แต่นายนพดลก็ยังยืนยันที่จะย้ายโดยระบุว่าไม่สามารถทำงานร่วมกับนายวีรชัยได้
4. หลังจากที่นายวีรชัย ไปเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮกจากการแต่งตั้งของรัฐบาลอภิสิทธิ์ และยังแต่งตั้งทีมทนายทั้งหมดเพื่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร โดยมอบหมายให้ทูตวีรชัยเป็นหัวหน้าทีมทนาย ซึ่งรัฐบาลเพื่อไทยเคยเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์รับผิดชอบ แต่ตอนนี้ตีกินผลงานไปแล้ว แต่ ปชป.ไม่ติดใจในเรื่อง โดยสิ่งที่เป็นปัญหาคือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจากรัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น นายสุรพงษ์ ได้ปลดนายวีรชัย ออกจากคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา