'มาร์ค' จัด 40 ขุนพล ชำแหละเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท จี้ 'ปู' ต้องแจงด้วยตัวเอง ย้ำลงทุนได้โดยไม่ต้องกู้ เผยห่วงแก้ ม. 68 นำไปสู่แก้ รธน. ยกฉบับ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของพรรคในการอภิปรายร่าง พรบ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทในวันที่ 28-29 มีนาคมนี้ ว่า
มีผู้แสดงความจำนงที่จะอภิปรายประมาณ 40 คน นอกจากนี้พรรคยังได้ให้ สส.เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งไว้ชี้แจงด้วย เพราะอาจมีการพาดพิงในสภา ทั้งนี้ ตนเห็นว่า การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลในขณะนี้สามารถจัดทำตามระบบงบประมาณปกติได้โดยไม่จำเป็นต้องออกเป็น พรบ.กู้เงิน เพราะหากพิจารณาจากแผนการใช้เงินของรัฐบาลจะเห็นว่าในปีหน้าจะใช้เงินไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท สามารถทำได้ในระบบงบประมาณชัดเจนแต่กลับพยายามที่จะออกกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินรวดเดียว 2 ล้านล้านบาท ซึ่งในการอภิปรายของพรรคจะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ อยู่บนหลักของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและขอให้รัฐบาลตอบอย่างสร้างสรรค์ด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควรจะชี้แจงด้วยตัวเองในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลและเป็นประธานในที่ประชุม ครม.จึงต้องมีความชัดเจนว่า
เหตุใดจึงมีความจำเป็นที่จะต้องออกกฎหมายนี้ทั้งที่สามารถลงทุนโครงการได้ในระบบงบประมาณปกติที่จะมีระเบียบดูแลในการจัดซื้อจัดจ้างและทำให้เกิดความโปร่งใสในแง่ของสถานะทางการคลัง ซึ่งตนยังยืนยันว่ารัฐบาลไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายเงินกู้นี้แต่ต้องยอมรับระบบงบประมาณและอาจจะต้องปรับลดบางรายการที่มีความสิ้นเปลืองหรือมีความรั่วไหลออกไปก็จะมีเงินมากเกินพอที่จะนำมาทำโครงการเหล่านี้ได้ ซึ่งจะทำให้การใช้เงินเป็นไปอย่างคุ้มค่ามากกว่า เพราะมีปัญหาเรื่องการทุจริตความไม่โปร่งใสสูงถึง 30-40 % ในโครงการขนาดใหญ่ จึงเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่รัฐบาลจะระดมเงินมาทำโครงการแทนการกู้เงิน โดยพิจารณาจัดลำดับความสำคัญ ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ รวมถึงราคาที่ควรจะเป็น แต่ตอนนี้รัฐบาลจะขอกู้เงินยอดเดียวคือ 2 ล้านล้านบาท
สำหรับเอกสารประกอบที่จะมีการส่งให้ส.ส.พิจารณาประกอบร่าง พรบ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
ไม่มีสถานะตามกฎหมาย ทำให้ตรวจสอบยากและเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่จะต้องอภิปราย เพราะในบัญชีแนบท้ายร่าง พ.ร.บ.กำหนดเป็นยุทธศาสตร์และวงเงินกว้าง ๆ ซึ่งจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงการได้ตลอดเวลา เพราะเอกสารประกอบไม่ผูกมัดว่ารัฐบาลจะต้องทำทุกโครงการ แตกต่างจากบัญชีแนบท้ายแต่รัฐบาลก็เขียนเอาไว้แค่กว้าง ๆ เท่านั้น เป็นการเปิดช่องให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงการในแต่ละหมวดได้ นอกจากนี้หลายโครงการก็ยังไม่ผ่านขั้นตอนอื่น ๆ ตามกฎหมาย ตนถึงได้บอกว่ากฎหมายที่รัฐบาลเสนอไม่ใช่กฎหมายเพื่อลงทุนแต่เป็นกฎหมายเพื่อกู้
“เอาง่าย ๆ ว่างบประมาณแต่ละปีสองล้านล้าน การออกกฎหมายนี้ก็เท่ากับว่าเพิ่มงบประมาณอีกทั้งปี โดยเก็บภาษีของพวกเราทุกคนทั้งปีเลย แต่รัฐบาลกลับไม่ได้ให้รายละเอียดในเรื่องความคุ้มค่าและผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน โดยยังมีการเปลี่ยนแปลงโครงการในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าไม่มีความรัดกุม” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังให้เหตุผลที่ออก พรบ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน แทนการจัดเงินในระบบงบประมาณปกติว่า เป็นเพราะไม่ต้องการให้เกิดการขาดดุลเรื้อรัง เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศว่า ไม่ควรพูดเรื่องภาพเพราะคนที่ติดตามจะทราบอยู่แล้วว่าหนี้อยู่ที่ไหนบ้าง แต่สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ด้วยการแยกเงินกู้ออกไปจากระบบงบประมาณปกติ จะทำให้รัฐบาลไม่ระมัดระวังในการใช้จ่ายจากการจัดสรรงบประมาณ เพราะเข้าใจว่ายังขาดดุลได้เพิ่มทั้งที่ความจริงไปก่อหนี้ไว้นอกงบประมาณ แต่ถ้าจัดเงินในระบบงบประมาณจะเป็นตัวบังคับให้รัฐบาลต้องคอยทบทวนตลอดเวลาว่าการใช้เงินของประชาชนต้องเป็นไปอย่างคุ้มค่าจริง ๆ โครงการไหนไม่สำเร็จก็ตัดเพื่อไปลงทุนในโครงการอื่นแทน