มาร์ค-เทือก ปฏิเสธข้อหาฆ่า ไม่เซ็นชื่อในสำนวนการสอบสวน-ดีเอสไอจับพิมพ์ลายนิ้วมือ

ภาพจาก ข่าวสดภาพจาก ข่าวสด


วันที่ 13 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล กับนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ว่า 


จากการข่าวล่าสุดยังประเมินว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่ายเดินทางมาที่ดีเอสไอ แต่เชื่อว่าแกนนำทั้ง  2 ฝ่ายจะควบคุมดูแลผู้ชุมนุมของตนเองโดยไม่มีเหตุการณ์กระทบกระทั่ง อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลส่งเจ้าหน้าที่จำนวนมากมาประจำการดูแล

 

 สำหรับกรณีที่อาจมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์นั้น พนักงานสอบสวนมีมติร่วมกับอัยการให้แจ้งข้อกล่าวหากับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ซึ่งทั้ง 2 คน จะถูกแจ้งข้อหาคนละเรื่อง โดยนายสุเทพ จะถูกแจ้งข้อหากระทำผิดพ.ร.บ.พรรคการเมือง คดีบริษัท อีสต์ วอเตอร์ บริจาคเงินช่วยเหลือน้ำท่วมเข้าพรรคประชาธิปัตย์ สวนนายอภิสิทธิ์ จะถูกแจ้งข้อหาคดีบริจาคเงินเข้าพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ในวันนี้ดีเอสไอจะไม่ฉวยโอกาสแจ้งข้อหาเพิ่ม แต่จะมอบหนังสือเชิญให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 18 ธ.ค. ซึ่งทั้ง 2 คนจะมาตามกำหนดนัดหรือส่งเป็นหนังสือก็ได้

 นายธาริต  ยังกล่าวว่า  ในวันนี้รองอธิบดีอัยการจะร่วมเป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหา ในส่วนดีเอสไอตนจะไม่แจ้งข้อกล่าวหาด้วยตัวเองแต่มอบให้พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหา ส่วนคดีการเสียชีวิตของนายชาญณรงค์ พลศรีลา ที่ศาลระบุว่าเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ของทหารเช่นเดียวกันนั้น ต้องรอคำพิพากษาที่ชัดเจนจากศาลเพื่อเรียกทั้ง 2 คนมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป ในชั้นนี้ยังไม่สามารถรวมคดีเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาในคราวเดียวได้ เพราะแต่ละศพเสียชีวิตต่างสถานที่ วัน เวลา อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะสรุปสำนวนสั่งฟ้องสงให้อัยการได้เมื่อใด เพราะต้องรอฟังคำให้การของผู้ต้องหาทั้งสองก่อน หากมีการอ้างอิงพยานเอกสารและบุคคลจำนวนมาก

 “ผมคนเดียวคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคดีได้ เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีพยานหลักฐานจำนวนมากและเป็นการสอบสวนร่วมกัน 3 ฝาย อัยการ ดีเอสไอ ตำรวจ ผมยอมรับว่าทำงานครั้งนี้ไม่ได้มีความสุข และกระอักกระอ่วมใจที่ต้องแจ้งข้อหากับอดีตผู้บังคับบัญชา แต่ผมไม่อาจเลือกปฏิบัติได้” นายธาริต กล่าว

 ต่อมาเวลา 13.25 น. นายอภิสิทธิ์ กับนายสุเทพ เดินทางมายังดีเอสไอ พร้อมทีมกฎหมายเเละส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เช่น นายชวน หลีกภัย นายถาวร เสนเนียม นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู เเละนายศิริโชค โสภา โดยมีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ลงมารอรับนายอภิสิทธิ์เเละนายสุเทพด้วยตัวเอง ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยรีบเดินขึ้นอาคารดีเอสไอ ท่ามกลางการดูเเลความปลอดภัยของตำรวจ

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนขั้นตอนการรับทราบข้อกล่าวหานายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เริ่มต้นโดยพ.ต.ท.ยุทธนา แพรดำ พนักงานสอบสวนอ่านละเอียดการแจ้งข้อกล่าวหา ว่ากระทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 59, 83, 84 และ 288 จากนั้นแจ้งรายละเอียดพฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหา จำนวน 10 หน้า ระหว่างนี้พนักงานสอบสวนจะแจ้งสิทธิ์ที่ผู้ถูกกล่าวหาจะได้รับ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะพิมพ์ประวัติ พร้อมพิมพ์ลายนิ้วมือและสอบปากคำเบื้องต้น 

 รายงานข่าวแจ้งอีกว่า หลังจากทีมพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จสิ้น พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีอาญา 1 ได้นำหนังสือรับทราบข้อกล่าวหาคดีเงินบริจาคเข้าศูนย์ช่วยน้ำท่วมปี 53-54 ผ่านเข้าพรรคประชาธิปัตย์  พร้อมทั้งแจ้งรายละเอียดพฤติการณ์กับทั้งสองคนอีก 1 คดี ทั้งนี้ มีการออกหนังสือเชิญนัดหมายให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 18 ธ.ค.นี้


 รายงานข่าวแจ้งว่า ทีมทนายความทั้งสองคนได้ขอคัดสำเนาคำสั่งแต่งตั้งพนักงานสอบสวนทั้งหมด  
 
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่นายอภิสิทธิ์เเละคณะมาถึงดีเอสไอนั้น กลุ่มนปช.นำโดย นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาน.ส.กมลเกด อัคฮาด ได้โห่ร้องเเละชูภาพประชาชนที่เสียชีวิตช่วง ศอฉ.กระชับพื้นที่ เเละได้ตะโกนด่า สาปเเช่งเเละเปิดเพลงพญาโศก ที่ใช้ในงานศพใส่นายอภิสิทธิ์และคณะ

 นายถาวร เสนเนียม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์หลังร่วมฟังการสอบปากคำนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ว่า เบื้องต้นทั้ง 2 คนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และไม่ยอมลงลายมือชื่อในสำนวนการสอบสวนเพราะถือว่าไม่ได้กระทำความผิด

 นายถาวร ระบุว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่า หากมีการตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าวในขณะที่นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ต้องมีการส่งเรื่องไปยังป.ป.ช. แต่คดีนี้ไม่มีการส่งเรื่องไปยังป.ป.ช. ดังนั้น ขั้นตอนจึงจบในชั้นพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ตนถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทำผิดกฎหมาย ใช้อำนาจโดยมิชอบ เพราะขณะนั้นนายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกฯ มีเหตุการณ์วุ่นวายในบ้านเมือง มีกลุ่มก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมือง รัฐบาลจำเป็นต้องออกพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมเหตุการณ์ และเมื่อมีกลุ่มชายชุดดำทำร้ายเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ต้องป้องกันตัว จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.68 ส่วนจะฟ้องกลับทางดีเอสไอหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่เชื่อว่า ใครทำอะไรไว้ เวรกรรมมีจริง

 "ทั้งสองให้การปฎิเสธข้อกล่าวหา พร้อมปฏิเสธที่จะลงลายมือชื่อในข้อกำหนดเงื่อนไข 4 ข้อ ที่พนักงานสอบสวนระบุไว้หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวว่าการเดินทางออกนอกประเทศต้องได้รับความเห็นของพนักงานสอบสวนก่อน แ ละต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน รวมถึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการสืบสวนสอบสวนคดี รวมถึงไม่กระทำการใดๆที่ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรง แต่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพยืนยันว่าจะปฎิบัติตนตามหน้าที่พลเมืองที่ดี ไม่หลบหนีคดี ส่วนจะมีการฟ้องร้องพนักงานสอบสวนที่ดำเนินคดีนี้กลับหรือไม่ ต้องพิจารณาในรายละเอียดของพนักงานสอบสวนอีกที"นายถาวรกล่าว

 ส่วนนายกรณ์ จาติกวนิช อดีตรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ระบุว่า นายอภิสิทธิ์เปิดเผยว่า "ผมจะต่อสู้ภายใต้กรอบกฎหมาย ผมไม่ใช่คนขี้ขลาด ไม่ใช่คนขี้โกง ผมมั่นใจในความบริสุทธิ์ของผม"  


ภาพจาก ข่าวสดภาพจาก ข่าวสด


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์